
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ย้อนไปพิธีหมั้นดังกล่าว ถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการที่บ้านหญิงสาว มีญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน โดยตกลงสินสอดรวม 200,000 บาท แต่ในวันนั้นฝ่ายชายมัดจำไว้ก่อน 50,000 บาท ทั้งคู่คบหากันตั้งแต่สมัยเรียน และปัจจุบันฝ่ายหญิงได้ย้ายไปอยู่กับฝ่ายชายที่บ้านใน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ได้ร่วมปีแล้ว
แม่ของหญิงสาว มองว่า ตอนนี้ลูกสาวตนเสียหาย เพราะอยู่กินกันแล้ว พ่อแม่รับรู้ทั้งสองฝ่าย ตอนแรกบอกจะแต่งภายในหนึ่งปี แต่ผ่านมาแล้วก็ยังเงียบ ถ้าจะไม่แต่งก็ขอให้มาผูกแขนให้ลูกสาวตนอีกสัก 50,000-100,000 บาทก็ยังดี
ด้านแม่ของฝ่ายชาย ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า ช่วงก่อนหน้านี้พ่อของลูกชายป่วยด้วยโรคหัวใจ ยังไม่พร้อมจัดงานแต่ง อีกทั้งฝ่ายตนไม่เคยรับปากว่าจะแต่งเมื่อไหร่ เด็ก ๆ เขาก็บอกว่าจะทำงานเก็บเงินมาแต่งเอง ก่อนหน้านี้ แม่ฝ่ายหญิงเคยโทร. มาขอเงินลูกชาย 1-2 หมื่นบาทหลายครั้ง จึงมองว่าน่าจะได้ไปเท่ากับเงินสินสอดแล้วหรือไม่ พร้อมกับท้าทายว่า หากอีกฝ่ายอยากได้เงิน ก็ส่งบัญชีมา ตนจะโอนให้ แล้วก็เอาลูกสาวกลับไปด้วย จะเอาไหม
ทั้งนี้ยอมรับว่า ตนไม่พอใจกับพฤติกรรมของแม่ฝ่ายหญิง มองว่าอีกฝ่ายอยากให้เกิดการแต่งงานเพื่อหวังให้ตัวเองดูดี มองว่าหากแม่ฝ่ายหญิงได้เงินสินสอดไป ก็คงเอาไปเสริมสวย ทำหน้า ทำจมูกหรือเปล่า ตนมีหลักฐานที่อีกฝ่ายส่งมาด่าทอหลายครั้ง เช่น "หมั้นไว้ทำไม ถ้าไม่มีปัญญาแต่ง" หรือ "ลูกฉันเสียเวลาอยู่กับพวกสู ไม่มีอนาคตเลย"
นอกจากนี้ แม่ฝ่ายชายยังตำหนิลูกสะใภ้ด้วยว่า ขี้เกียจ ไม่ช่วยงานบ้าน ทำอาหารไม่เป็น ห้องที่อยู่ก็รกมาก แถมเอาแมวมาเลี้ยง 4 ตัว ขี้เต็มห้องไม่เคยเก็บ
สุดท้ายนี้ แม่ของฝ่ายชายฝากว่า ถ้าอยากได้เงินก็มาคุยกัน ไม่ต้องไปโวยวายออกสื่อแบบนี้ ห้าหมื่น หนึ่งแสน ตนก็พร้อมโอนให้จบ ๆ ไป แต่เลิกเปลี่ยนใจไป-มา บางทีก็บอกจะไม่แต่งแล้ว พอสักพักก็เปลี่ยนใจจะให้แต่งใหม่ งงไปหมด
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส