
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 รายการโหนกระแส เจาะลึกกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ทิดแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และอดีตเจ้าคณะภาค 14 จากพฤติกรรมยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารของวัดโอนไปยังบัญชีส่วนตัว รวมมูลค่ากว่า 847 ล้านบาทนั้น
แพรรี่ ไพรวัลย์ ยอมรับว่า พอจะรู้เรื่องนี้ก่อนจะเป็นข่าว เพราะตนเคยเป็นคนในวงการสงฆ์มาก่อน เคยบวชมา 18 ปี จึงรู้ว่าวิธีการบริหารจัดการของเจ้าอาวาสวัดดังนั้นหละหลวมมาก จึงเกิดช่องให้มีเรื่องเช่นนี้ จากเงินส่วนรวมที่ควรจะเข้าวัด มีกรรมการดูแล กลับเป็นไปเข้าบัญชีส่วนตัว กรณีวัดไร่ขิง อดีตเจ้าอาวาส เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม เจ้าคณะภาค 14 เป็นพระผู้ใหญ่ ชาวบ้านจึงไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เกรงเรื่องของอำนาจบารมี

ภาพจาก โหนกระแส
ด้าน พ.ต.อ. ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. เปิดเผยจุดเริ่มต้นในการสืบสวนคดีนี้ เนื่องจากได้รับจดหมายร้องเรียนเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ถึงพฤติกรรมของอดีต เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งระบุว่า
ขอความกรุณาให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตามที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กตตินธโร) เจ้าคณะ ภาค 14, เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ได้ยืมเงินจากเจ้าอาวาสวัดหลายวัดในเขตปกครองของท่าน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อนำไปใช้ในกิจการของวัดไร่ขิง พระอารามหลวง และรวมทั้งการยืม เงินจากคหบดี นักการเมือง ที่ท่านมีความคุ้นเคย โดยอ้างเหตุผลเช่นเดียวกัน ซึ่งแต่ละท่านได้ให้ยืมเงินไปจำนวนเงินตั้งแต่ 5 หมื่นบาท 1 แสนบาทบ้าง 5 แสนบาทบ้าง 1 ล้านบาทบ้าง 5 ล้านบาทบ้าง จนถึง 10 ล้านบาทบ้าง รวมเงินทั้งสิ้นประมาณเกือบ 300 ล้านบาท และทั้งนี้ได้สืบทราบจากทางวัดไร่ขิงว่า ท่านเจ้าคุณฯ ได้นำเงินของทางวัดฯ จากการจัดงานประจำประจำปีตั้งแต่ ปี 2564 ถึง 2566 และเงินของมูลนิธิต่าง ๆ ของทางวัดไร่ขิงไปอีกจำนวนประมาณร้อยล้านบาท
ซึ่งท่านเจ้าคุณฯ ได้นำเงินดังกล่าวไปเข้าบัญชีส่วนตัวที่ธนาคารจำนวนสี่บัญชี เท่าที่ได้สืบทราบมานี้ และมิได้นำไปใช้ในกิจการของทางวัดไร่ขิงตามที่ได้ให้เหตุผลในการขอยืมเงิน แต่อย่างใด อีกทั้งได้มีการโอนเงินไปให้แก่บุคคล และหรือกลุ่มบุคคลที่น่าจะไม่สุจริต ซึ่งเป็นความผิด ตามระเบียบการจ่ายเงินผลประโยชน์ของวัด พ.ศ. 2557
ด้วย มีความเป็นห่วงว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กตฺตินธโร) อาจจะถูกบุคคลใดบุคคลหนึ่งหลอกลวงท่านเจ้าคุณฯ หรืออาจโดนขู่เข็ญเอาเงิน โดยอ้างว่าจะเปิดเผยความลับ หรือรีดเอาทรัพย์ หรือขู่เข็ญเอาเงิน ด้วยวิธีการที่มิชอบด้วยกฎหมายจึงทำหนังสือฉบับนี้มาเพื่อให้ได้กรุณาตรวจสอบเส้นทางการเงินตามบัญชีที่ได้ส่งมาให้นี้ ว่าได้มี การโอนเงินไปให้ผู้ใด เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
และเพื่อให้ทางวัดต่าง ๆ และคหบดี นักการเมือง ที่ท่านเจ้าคุณ พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กฤตินธโร) ยืมเงินไป ได้พอมี หนทางได้เงินกลับคืนมา เพราะเป็นเงินของทางพระศาสนา และของฆราวาสที่ได้มาโดยชอบ และ ทั้งนี้เพื่อจะได้กลุ่มบุคคลที่กระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบด้วยกฎหมายมาลงโทษตามกฎหมาย ต่อไป

ภาพจาก โหนกระแส
พ.ต.อ. ภัทราวุธ เผยว่า หลังจากนำเรื่องร้องเรียนนี้ปรึกษากับทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงมีคำสั่งให้สืบสวนในทางลับ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพียง 6 คนที่จะรับรู้เรื่องนี้ ก่อนจะเดินหน้าหาหลักฐาน เริ่มจากในโซเชียล หาที่มาบัญชีต่าง ๆ ความเคลื่อนไหวของเงินไปทางไหน
ด้าน ร.ต.อ. นิติธร ประชันกาญจนา หรือ ผู้กองธร รอง สว.กก.5 บก.ป. ซึ่งปลอมตัวเข้าไปเพื่อรวบรวมข้อมูลในวัดไร่ขิง ยอมรับว่ารู้สึกกังวล เพราะ อดีตเจ้าอาวาสเป็นพระที่มีคนศรัทธาเยอะ จึงเริ่มจากที่ไปนั่งสังเกตอยู่ในรถก่อน 24 ชั่วโมง จนได้รู้ว่ากลุ่มคนที่มาทำบุญเข้ามาตอนไหน แต่งตัวยังไง ก่อนจะแฝงเข้าไปด้วยการทำบุญ โดยเข้าไปขอพรกับหลวงพ่อวัดไร่ขิง ขอให้ภารกิจทำความสะอาดวัดลุล่วงไปด้วยดี
การปลอมตัวนั้นมีหลายรูปแบบ ทั้งเป็นนักท่องเที่ยว ทำบุญ ร่วมกิจกรรมช่วยงาน ยกโต๊ะ ยกเก้าอี้ และเข้าไปยืนยันว่า แต่ละชื่อในบัญชีที่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับวัดทำหน้าที่อะไร เป็นเจ้าของบัญชีจริงไหม จนนำซึ่งหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงินที่มาจากวัดจนนำซึ่งศาลออกหมายจับ

ภาพจาก โหนกระแส
จากนั้นเก็นได้สร้างเรื่องว่าติดหนี้อยู่ก้อนหนึ่งทำให้เจ้าหนี้ยึดโทรศัพท์ไป กลัวว่าคลิปในโทรศัพท์จะหลุดไปถึงคนอื่น จึงให้หลวงพ่อโอนเงินมาช่วยจ่ายหนี้ จึงเกิดการต่อรองกับ ทิดแย้ม มาตลอด จนช่วงเดือนกันยายน 2567 ได้มีการเจรจาให้จบเรื่องกัน และให้ฝ่ายหญิงทุบโทรศัพท์ทิ้งไป