สรุปดราม่า ทราย สก๊อต ทายาทตระกูลดัง ผู้รักท้องทะเล ประกาศยุติบทบาทเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คาดปมคลิปติงนักท่องเที่ยวเหยียดผิว ด้าน อธิบดี แจงแล้ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทราย - Merman
กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ กรณี ทราย สก๊อต หรือ สิรณัฐ สก๊อต เจ้าของฉายามนุษย์เงือกนักอนุรักษ์ ผู้ซึ่งมักจะลงคอนเทนต์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับงานดูแลท้องทะเล โพสต์ข้อความประกาศยุติบทบาทในฐานะเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จนหลายคนต่างตกใจ และตั้งข้อสังเกตว่า เบื้องหลังเรื่องนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใด
ทราย สก๊อต คือใคร
ทราย สิรณัฐ สก๊อต อายุ 26 ปี เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ลูกชายของ จีรานุช ภิรมย์ภักดี กับอดีตสามีชาวสกอต จบการศึกษาปริญญาตรีด้านแอนิเมชั่นจาก California Institute of the Arts สหรัฐอเมริกา เข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567
ทราย สก๊อต สนใจเรื่องการอนุรักษ์ทะเลตั้งแต่อายุ 20 ปี และก่อตั้งโครงการ Sea You Strong ด้วยทุนส่วนตัว โดยชวนชุมชนเก็บขยะจากชายหาดต่าง ๆ ทั่วภาคใต้
ในปี 2565 เขากลายเป็นที่รู้จักในนาม อควาแมนเมืองไทย หลังว่ายน้ำเดี่ยวข้ามทะเลจากหาดอ่าวนางไปเกาะปอดะ ไป-กลับระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร ใช้เวลา 6 ชั่วโมง เพื่อพิสูจน์ความรักที่มีต่อท้องทะเล
นอกจากนี้ ทราย ยังเคยสร้างหนังสั้นเรื่อง Merman ซึ่งเขารับบทเป็นมนุษย์เงือก ถ่ายทอดความงดงามของผืนน้ำ และสะท้อนปัญหาขยะใต้ทะเล พร้อมรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
อีกหนึ่งบทบาทคือการเคลื่อนไหวเพื่อสะท้อนปัญหาของทะเลไทยผ่านโลกโซเชียล และลงพื้นที่ในฐานะเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คอยสื่อสารตักเตือนนักท่องเที่ยวที่ทำผิดกฎ เพื่อปกป้องทรัพยากรทางทะเลของไทย นอกจากนี้ยังเคยออกมาพูดเรื่องเงินเดือนของเจ้าหน้าที่และลูกจ้างชั่วคราวของอุทยานฯ ที่มีค่าตอบแทนต่ำ และไม่มีประกันชีวิตทั้งที่ทำงานเสี่ยงอันตรายอีกด้วย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทราย - Merman
คลิปสุดท้ายฐานะเจ้าหน้าที่ จัดการเตือนนักท่องเที่ยวเหยียดเชื้อชาติ
ทราย สก๊อต โพสต์คลิปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 ระบุว่า "คลิปสุดท้ายผมเอาลงในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ การจัดการกับ นักท่องเที่ยวที่เหยียดผิวเรา ผมลงเพื่อส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ และเตือนเสมอว่าคุณทำงานที่สำคัญอย่าให้ใครมาเหยียบย่ำหรือเหยียดผิวเรา โดยเฉพาะในฐานะที่เราเป็นเจ้าของประเทศ คนเที่ยวเขาอาจจะมาเที่ยวทรัพยากรประเทศเรา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขามองข้ามคนไทยได้
สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปก็คือว่าทรายได้ไปเจอนักท่องเที่ยวในเรือที่เรือเขาเสีย แต่ก่อนหน้าที่เราจะเข้าไปถึงเรือ ผมเห็นว่าตัวผู้ชายเขาหันไปมองแฟนเขาแล้วก็พูด "หนีห่าว" แล้วก็หัวเราะ ทรายเลยใช้จังหวะที่เรือเขาเสียไปตักเตือนให้เขามีมารยาทต่อผมแล้วเจ้าหน้าที่มากกว่านี้ ซึ่งตอนตักเตือนเห็นว่าเขาไม่สำนึกผิดแล้วก็ไม่ค่อยนึกถึงผลของสิ่งที่เขาพูดหรือทำ ทรายเลยให้เรือของเขากลับไปที่ฝั่งเพื่อเราได้คุยกันแล้วทำให้เขาเข้าใจว่าการมาเที่ยวประเทศไทยหรือประเทศในทวีปเอเชีย เขาไม่สามารถทำตัวเหยียดผิวคนเอเชียได้แบบนี้
คนไทยบางคนอาจจะไม่ได้นึกถึงมุมนี้ แต่การที่เขามองว่าเราเป็นคนจีน ในสมัยนี้ที่โลกเรามีอินเทอร์เน็ตแล้ว เขาสามารถจองตั๋วมาเที่ยวประเทศไทยได้ แต่ทำท่าเหมือนเขาไม่รู้ว่าประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเมืองจีน แล้วเราไม่ได้พูดภาษาจีน นั่นน่ะคือความที่เขามองข้ามบุคคลไทยแล้วก็เหยียดผิวของเรา เพราะเขาคิดว่าพวกเราคนเอเชียเราก็เหมือนกันหมด การที่เขาคิดว่าจะเที่ยวและทำอะไรก็ได้โดยไม่ให้เกียรติเราทำให้เขาผิดหลายด้าน"

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทราย - Merman
ยุติบทบาทการเป็นเจ้าที่หน้าที่อุทยานฯ
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ทราย สก๊อต โพสต์ข้อความว่า "ผมเลือกที่เสียสละงานที่ผมรักกับตำแหน่งของผม เพื่อโอกาสที่จะสะท้อนเรื่องจริงของปัญหาทะเลทางภาคใต้ เหนือกว่าตำแหน่ง ผมคือความรักที่ผมมีต่อทะเล ขอบคุณ สำหรับทุกประสบการณ์ และผมเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่เสมอ…ผมเดินต่อครับ"

ตั้งแต่เริ่มทรายประเมินว่าการช่วยอุทยาน ในภารกิจอนุรักษ์ ทางดีที่สุดทรายต้องสะท้อนเรื่องจริงและออกมาพูดในสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องเจอ (ไม่ได้กล่าวถึงว่าเจ้าหน้าที่เราเองทำหรือไม่ทำ เพราะทรายทำเป็นตัวแทนให้) แม้ว่ามันจะส่งผลให้คนในพื้นที่ไม่ชอบทราย แทนที่จะไม่ชอบอุทยาน ทรายยอมรับในผล เพื่อภารกิจแล้วทรายรู้ว่าสิ่งที่ทรายได้ทำจะเห็นผลและดีกับภารกิจอนุรักษ์ในระยะยาว เพื่อแก้ไขภาพมาตรฐานการท่องเที่ยวที่ล้มเหลว ตอนนี้ทรายไม่อยากให้อธิบดีอึดอัดครับ ขอบคุณทุก ๆ ประสบการณ์เสมอครับ"

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทราย - Merman
ย้อนหลายคอนเทนต์ชนคนทำผิดกฎไม่อนุรักษ์ธรรมชาติ
ก่อนหน้านี้ ทราย สก๊อต ลงหลายคลิปที่เกิดเป็นไวรัล เช่น ตักเตือนนักท่องเที่ยวที่เก็บหอย-เศษปะการังกลับบ้าน, เตือนนักท่องเที่ยวเหยียบจับปะการัง, ตักเตือนเรือทิ้งสมอในแนวปะการังที่ปิดเพื่อฟื้นฟู, เผชิญหน้ากับนักท่องเที่ยวที่ฝืนว่ายน้ำในเขตฟื้นฟูปะการัง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ 700 เมตรจากหาด โดยรอบตัวไม่พบเรือหรือไกด์แต่อย่างใด โดยเขาบรรยายว่า ปัญหาเรื่องนี้มันจะไม่เกิดขึ้น หากบริษัททัวร์และไกด์มีความรับผิดชอบมากกว่านี้
แม้หลากหลายคอนเทนต์ของ ทราย สก๊อต จะได้รับเสียงชื่นชม แต่อีกมุมหนึ่งก็อาจทำให้เกิดข้อถกเถียงเมื่อมีการไปพาดพิงถึง ไกด์ หรือผู้ประกอบการนำเที่ยว และบางมุมนั้นมีอีกหลายส่วนที่อาจถูกเข้าใจผิดและมองในแง่ลบจากคอนเทนต์ที่ออกไป จนนำไปสู่การร้องเรียน ทราย สก๊อต ไปที่กรมอุทยานฯ เช่นกัน
อธิบดีกรมอุทยานฯ โต้ปลดทราย รับขอให้ปรับคอนเทนต์
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการปลด ทราย สก๊อต ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของตนเองมาตั้งแต่ยุคที่เป็นอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ยกเว้นถ้าจะแสดงเจตนาอย่างเป็นทางการจะบอกผ่านโซเชียลไม่ได้ และไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการร่วมงานกัน เพียงแต่อาจต้องปรับการทำงานและการทำคอนเทนต์
ที่ผ่านมาไม่ได้มีปัญหาในการทำงานกับทราย สก๊อต และตัวเองก็ปฏิบัติงานช่วยทางด้านภาษาการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และช่วยในการรณรงค์การท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมมาอย่างดี แต่เนื่องจากช่วงหลังที่มีการเผยแพร่คอนเทนต์ในช่องทางโซเชียลอาจจะเกินเลยและอาจจะกระทบกับภาพรวมการท่องเที่ยวทางทะเล เช่น กรณีคลิปหนีห่าว ซึ่งเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย ซึ่งจะทำให้สังคมเข้าใจผิดได้
แม้จะยังไม่เสียหาย แต่ต้องปรับปรุงการทำงานร่วมกันใหม่ พร้อมทั้งกำชับว่าหาก ทราย สก๊อต จะเข้าพื้นที่ต้องขออนุมัติหัวหน้า และให้หัวหน้ายินยอมทำงานร่วมกัน รวมทั้งแจ้ง ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทราย - Merman

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทราย - Merman