ชายสิ้นท่า บุกสุสานขโมยโกศอัฐิพ่อแฟนเก่า ขู่ให้คืนดีกัน ไม่งั้นจะไม่ได้เจอพ่ออีก

           ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นเผยว่า ชายวัย 57 ปี ชื่อสกลุเฉิน (นามสมมุติ) เป็นเจ้าของฟาร์มไก่ในเขตซินเป่ย เมื่อนิวไทเป ของไต้หวัน แต่มีหนี้สินทางธุรกิจจำนวนมาก และต้องพึ่งพาการช่วยเหลือด้านการเงินจากครอบครัว เขาเคยมีความสัมพันธ์กับอดีตหญิงคนรักชื่อสุกลลี่ (นามสมมุติ) ซึ่งปัจจุบันอายุ 48 ปี มาเป็นเวลานานถึง 15 ปี จนกระทั่งเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงเห็นว่าเขาไม่มีอนาคต จึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์ และตัดขาดการติดต่อทั้งหมด

           ทว่านายเฉินไม่ยอมรับการเลิกรา จึงตามแก้แค้นและคอยรังควานแฟนเก่าเรื่อยมา รวมทั้งคุกคามและบีบบังคับให้เธอกลับมาคืนดีกับเขา เป็นเวลานานถึงปีกว่าแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่ผ่านมา เขาได้แอบเข้าไปที่สุสานทหารบนเขาหวู่จื้อ เพื่อวางแผนขโมยโกศบรรจุอัฐิของพ่อฝ่ายหญิง จนในเดือนสิงหาคม เขาก็สามารถทำได้สำเร็จ  

           ในเดือนธันวาคม นายเฉินได้ไปที่บ้านของลี่ จากนั้นได้แปะรูปภาพโกศบรรจุอัฐิของพ่อเธอติดเอาไว้ที่ด้านนอกเพื่อเป็นการข่มขู่ แต่ในตอนนั้นฝ่ายหญิงยังไม่รู้ว่าอัฐิของพ่อเธอถูกขโมยหายไป จึงไม่ได้ตอบรับใด ๆ จนเมื่อวันวาเลนไทน์ ที่ผ่านมา สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น เมื่อฝ่ายชายส่งจดหมายมาข่มขู่ ซึ่งในจดหมายฉบับนั้นมีรูปถ่ายโกศอัฐิของพ่อเธอ พร้อมคำเตือนว่า "หากเธอไม่ยอมคืนดี เธอจะไม่มีวันได้เจอพ่อเธออีก"

           ลี่ตัดสินใจแจ้งตำรวจ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบสวน กระทั่งได้รับการยืนยันว่า ตราประทับบนช่องบรรจุอัฐินั้นแตกเสียหาย ส่วนโกศบรรจุอัฐิและแผ่นป้ายหายไป จากนั้นจึงได้เข้าควบคุมตัวนายเฉิน ซึ่งมีประวัติเคยติดคุกในคดีฉ้อโกงและการฟอกเงิน โดยในตอนแรกเขาปฏิเสธว่าไม่ได้ขโมยโกศอัฐิดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานจากกล้องวงปิดที่แสดงให้เห็นว่า เขานำโกศอัฐินั้นไปซ่อนในพื้นที่ใกล้ ๆ กับฟาร์มไก่ของเขา

           วันที่ 28 มีนาคม 2568 ในที่สุด โกศบรรจุอัฐิของผู้เป็นพ่อซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยึดเอาไว้ ก็ถูกส่งคืนกลับมาถึงมือของลูกสาวตามเดิม ส่วนแฟนเก่าของเธอผู้ก่อเหตุ ถูกดำเนินคดีในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการทำลาย ละทิ้ง หรือขโมยชิ้นส่วนศพ เถ้ากระดูก และสิ่งของในงานศพ รวมถึงการข่มขู่คุกคาม ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา

           เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนเป็นจำนวนมาก และพากันวิจารณ์อย่างไม่พอใจ

           "นี่มันบ้าไปแล้ว ใครจะอยากอยู่กับคนแบบนี้ เรียนรู้ที่จะรักก่อน สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ไม่ใช่ความรัก มันเป็นเพียงความหมกมุ่นที่เห็นแก่ตัว"
 
           "ถ้าเธอไม่รักคุณ ก็ปล่อยเธอไปเถอะ การบังคับมันไม่มีความสุขหรอก คุณอายุเกิน 50 แล้ว ยังโกงเงิน แถมฟอกเงินอีก ใครจะอยากแต่งงานไปพินาศกับคุณ"  

ขอบคุณข้อมูลจาก South China Morning Post