หญิงโดนแย่งลูกจากอก เล่าพีคปมค่าเฟรนช์ฟรายส์ ถูกผัวทวงเงินหักหน้า ซ้ำโทร. ฟ้องแม่

 
           หญิงถูกแม่ผัวแย่งลูกจากอก สุดอึดอัดตอนคบฝ่ายชาย จุกจิกโทร. รายงานแม่ตลอด พีคทริปวันเกิด เจอหมอทวงค่าเฟรนช์ฟรายส์ 89 บาท
          อ่านข่าว : หญิงถูกแม่อดีตสามี ขโมยลูก 1 เดือนจากอก ไม่ยอมให้เจอ อีกฝ่ายอ้างทำตามสัญญา

           วันที่ 3 เมษายน 2568 คุณเอ เล่าช่วงหนึ่งถึงคุณหมอ อดีตสามี เอาไว้ว่า เธอเองรู้จักกับ อดีตสามี ที่เป็นคุณหมอในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผ่านทางแอปฯ หาคู่ ประมาณปลายปี 2566 ฝ่ายชายแสดงตัวตนชัดเจนว่า มีอาชีพเป็นหมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนตัวเธอเอง เป็นนักศึกษาปริญญาโทเพิ่งจบใหม่และอยู่ระหว่างหางานทำ
           หลังจากนั้นพูดคุยกันเรื่อยมานานประมาณ 2 เดือนจึงมีการนัดเดตกันครั้งแรกที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเดตแรก เธอรู้สึกแปลก ๆ หลายอย่าง เพราะฝ่ายชายจะขอให้เธอหารและแชร์กันทุกอย่างแม้กระทั่งค่ารถไฟฟ้าหรือค่า Vat. และเซอร์วิสชาร์จ แต่เธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะสามารถแชร์กันและจ่ายได้ จากนั้นก็คุยกันจริงจังมากขึ้นจนตกลงเป็นแฟนกัน ฝ่ายชายพาเธอมาเปิดตัวที่โรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ กินข้าว เดินจับมือกัน โดยที่หมอไม่ได้มีท่าทีปิดบังหรือกลัวใครเห็น

           หลังจากเป็นแฟนกัน ฝ่ายชายก็ขนข้าวของย้ายมาอยู่กับเธอที่หอพักย่านสะพานพระราม 8 โดยที่ค่าหอพัก ค่าน้ำ ค่าไฟต่าง ๆ เธอเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ส่วนของใช้อะไรที่ซื้อมาใช้ร่วมกันก็หารครึ่ง

           ขณะที่คบกัน เธอพยายามตรวจสอบว่าฝ่ายชายมีแฟนไหม ก่อนจะพบว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ และพฤติกรรมตาม ติดตาม IG ของสาวสวย ๆ ไม่ต่ำกว่า 3,000 คน นอกจากนี้ เธอยังจับได้ว่า หมอยังแอบเล่น แอปฯ หาคู่และมีการนัดเจอกับผู้หญิงในแอปฯ เพื่อไปมีเพศสัมพันธ์กัน

           นอกจากนี้ ทุกครั้งที่มีปัญหากันหมอจะเอาเรื่องไปฟ้องแม่ของตัวเองตลอด และยิ่งทำให้แม่ของหมอไม่ค่อยชอบเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจขอเลิก และเธอก็ท้อง แต่สุดท้ายก็เลิกกับหมอไม่ได้ ขณะตั้งท้อง ฝ่ายชายก็ไม่ได้ดูแลเธอเลย แม้กระทั่งฝากครรภ์เธอยังต้องนั่งรถไปฝากครรภ์เอง ส่วนค่าใช้จ่าย ฝ่ายชายขอรับผิดชอบ 60:40 (ฝ่ายชาย 60, ฝ่ายหญิง 40)

แม่ผัวคาใจปมที่พัทยาทริปวันเกิด เมียสุดทนผัวทวงค่าเฟรนช์ฟรายส์

           ล่าสุด (4 เมษายน 2568) คุณเอ เปิดใจผ่านรายการโหนกระแส ประเด็นที่ แม่ของอดีตสามี ยังติดใจเรื่องระหว่าง คุณเอ กับ ลูกชาย ที่พัทยา โดยเธอเล่าว่า ทริปนั้นเป็นวันเกิดของเธอ ตอนนั้นเธอตั้งท้องอยู่ เป็นทริป 3 วัน 2 คืน วันแรกไปถึงก็ช่วงเย็นแล้ว จึงแวะไปกินอาหารกัน ช่วงนั้นเธอมีอาการแพ้ท้อง เกิดอาการน้อยใจสามีที่กินข้าวแล้วเล่นแต่โทรศัพท์ จึงเดินออกไปรอหน้าร้าน


           วันต่อมาก็มีปัญหากัน เพราะเธอเข้าใจว่าวันเกิดแฟนอาจจะเลี้ยงข้าวเราบ้าง จึงไปเที่ยวคาเฟ่กัน ก็ยังหาร 2 กัน สั่งเป็นเค้ก น้ำผลไม้ และเฟรนช์ฟรายส์ ราคา 89 บาท ตอนนั้นเธออยากกิน แต่ด้วยเป็นคนที่สั่งอะไรมาก็มักกินไม่หมด ซึ่งเขานั้นไม่โอเค จึงตั้งกฎว่าถ้าเธออยากจะกินอะไรต้องจ่ายเอง

           ตอนนั้นพนักงานมาเก็บเงินค่าเฟรนช์ฟรายส์ คุณหมอก็สแกนจ่ายให้ก่อน แต่เขาก็ทำมือกับเธอ (ท่าเรียกเก็บเงิน) ต่อหน้าพนักงาน แล้วก็พูดว่า ไหนล่ะค่าเฟรนซ์ฟราย เธอก็รู้สึกไม่โอเคที่เขามาทวงกันตอนนั้น จึงบอกไปว่า ยังไงก็จ่ายให้อยู่แล้ว เรามาคุยกันในรถก็ได้ ทำไมต้องมาทำให้อายด้วย
           หลังจากเกิดเรื่องค่าเฟรนช์ฟรายส์เธอจึงถามกับเขาว่า แล้วมื้อเย็นใครจะเป็นคนจ่าย คาดว่าแม่เขาคงกังวลในเรื่องนี้ ซึ่งคุณหมอเขาพูดกลับมาว่า เธอจะให้เราออกอีกกี่มื้อเหรอ จะให้เลี้ยงอีกกี่มื้อ พรุ่งนี้อีกมื้อเดียวใช่ไหม พอได้ฟังก็เสียใจ เพราะมันเป็นวันเกิดของเรา ซึ่งในวันนั้นช่วงดึก ๆ คุณหมอก็โทร. ไปฟ้องแม่ว่า เธอไม่เป็นตามที่ตกลง เพราะเขาตกลงว่าจะดูแลแค่เรื่องค่าฝากครรภ์กับค่าคลอด แต่นี่เหมือนเขาต้องมาจ่ายค่าอาหารให้เธออีก

           นอกจากนี้ เขายังโทร. ไปฟ้องพ่อแม่ของเธอด้วย ว่าเธอไม่เป็นไปตามข้อตกลง ไม่พอใจที่ต้องมาจ่ายค่าอาหารให้เธออีก แต่เธอนั้นไม่ได้ติดใจว่าเขาทำไม่ดีอะไร เพราะปกติก็จะมีของขวัญให้เช่น กระเป๋า หรือน้ำหอม แต่คือเธอจะถูกแม่เขามองว่าเธอเป็นคนอารมณ์ร้อน เวลาเธอทะเลาะกับหมอ มันทำให้ลูกเขาเสียหาย