ส่องรายชื่อ 15 สินค้าเตรียมอ่วม หลังคำสั่ง ทรัมป์ ให้สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าไทย 37%

         ส่องผลกระทบหลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าไทย 37% เปิด 15 รายการสินค้าที่เตรียมอ่วม ด้านพาณิชย์เผยแนวทางแก้ไขปัญหา
          จากประเด็นใหญ่ทางเศรษฐกิจ กรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีพื้นฐาน (Baseline Tariff) สำหรับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศในอัตรา 10% และภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับอีกหลายประเทศ รวมถึงคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งไทยถูกเก็บในอัตรา 37% นั้น

          วันที่ 4 เมษายน 2568 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าไทยเพิ่มขึ้นเป็น 37% โดยยอมรับว่าค่อนข้างตกใจที่เห็นสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบทั้งหมด อย่างประเทศที่ได้ไปเจรจากับสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ อย่างเวียดนามก็ถูกเก็บภาษีเพิ่มเป็น 46% และญี่ปุ่น 24%

          ยืนยันว่า ไทยได้ดำเนินงานอย่างเต็มที่ และติดต่อกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ ทางคณะทำงานก็ได้มีการเตรียมข้อมูลไว้แล้วว่าจะเจรจากับสหรัฐอย่างไร เพื่อให้ลดภาษีลงมา

          ส่วนตัวเลขทางเศรษฐกิจ GDP ของไทยจะถูกปรับลดลงหรือไม่ (ไทยตั้งเป้าไว้ 3%) นายพิชัย ระบุว่า ยังไม่รู้ว่าแนวทางจะเป็นอย่างไร แต่ทิศทางส่งออกของไทยขณะนี้ยังดีอยู่ โดยสถิติการส่งออกช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 11.8%

          ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า อุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบมากที่สุด มีทั้งสิ้น 15 รายการ ประกอบด้วย

          1. โทรศัพท์มือถือ

          2. ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

          3. ยางรถยนต์

          4. เซมิคอนดัคเตอร์

          5. หม้อแปลงไฟฟ้า

          6. ชิ้นส่วนอุปกรณ์การพิมพ์

          7. ชิ้นส่วนรถยนต์

          8. อัญมณี

          9. เครื่องปรับอากาศ

          10. กล้องถ่ายรูป

          11. เครื่องพรินเตอร์

          12. วัตถุดิบอาหารสัตว์

          13. แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

          14. ข้าว

          15. ตู้เย็น



         ก่อนหน้านี้ คาดว่า ถ้าสหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้ไทย 11% การส่งออกจะเสียหาย 7,000-8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 1 ปี แต่ขณะนี้สหรัฐฯ ขึ้นภาษีไทยสูงถึง 36% ก็อาจจะทำให้การส่งออกเสียหาย 25,000-26,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 850,000-884,000 ล้านบาท) หากไทยไม่ทำอะไรเลย


เบื้องต้นมีแนวทางการเจรจากับสหรัฐฯ ประกอบด้วย
         2. เพิ่มการนำเข้าสินค้าบางรายการที่ยังไม่เคยนำเข้า

         3. ลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า เช่น การตรวจสอบสินค้าที่อาจอ้างแหล่งกำเนิดสินค้าจากไทย


มาตรการเยียวยาผลกระทบผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ

          มีแนวทางเช่น อาจจะมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือ หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยจะกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย และมีการส่งออกไปสหรัฐฯ