นักวิ่งสาวเหวอแรง คิดว่าชนะรีบฉลองชัย ที่แท้ยังไม่เข้าเส้นชัย ถูกแซงจนแพ้ต่อหน้า

          นักวิ่งสาวเหวอแรง ตัวเต็งวิ่งนำมาที่ 1 คิดว่าชนะแล้วรีบฉลองชัย ที่แท้ยังไม่เข้าเส้นชัย ถูกแซงจนแพ้ต่อหน้าต่อตา 


          วันที่ 31 มีนาคม 2568 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีภาพการแข่งวิ่งงานหนึ่งในประเทศจีน กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงร้อนแรงบนโซเชียลมีเดีย เมื่อนักวิ่งสาวรายหนึ่งวิ่งมาถึงจุดสิ้นสุด โดยคิดว่าชนะแล้วจึงรีบฉลองดีใจเต็มที่ แต่ความจริงกลับยังไม่ถึงเส้นชัย เหลืออีกเพียงนิดเดียว ทำให้คู่แข่งที่ไล่ตามมาติด ๆ แซงเข้าเส้นชัยคว้าชัยชนะไปต่อหน้าต่อตา และปฏิกิริยาน่าเขินอายของเธอก็ถูกบันทึกเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

          เหตุการณ์เกิดขึ้นที่งานแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอนหญิง ในเมืองฉงชิ่ง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ถูกนำมาเผยแพร่ แสดงให้เห็นว่า เสี่ยวเฟิน นักวิ่งหญิงผู้นำมาคนแรกได้ชะลอความเร็วลงก่อนถึงเส้นชัย และยกมือขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองล่วงหน้า แต่เพียงพริบตาเดียว เธอกลับถูกนักกีฬาหญิงอีกคนแซงเข้าเส้นชัยไปด้วยเวลาต่างกันเพียงไม่กี่วินาที ตอนนั้นเองที่เธอเพิ่งได้รู้ว่า เธอยังวิ่งไม่ถึงเส้นชัย จนถึงกับออกอาการหน้าเหวอไปเลยทีเดียว


          อย่างไรก็ดี นักวิ่งคู่แข่งหญิงที่เฉือนชนะไปได้นั้นคือจื้อฟาง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเสี่ยวเฟิน แม้ว่าเธอจะเสียชัยชนะในการแข่งขันวิ่งครั้งนี้ไป แต่เพื่อนของเธอก็คว้าชัยมาได้ โดยจื้อฟางกล่าวฉลองชัยของเธอว่า "ฉันวิ่งเข้าคนแรก ฉันได้ที่ 1 ขอบคุณทุกคนมาก" ส่วนเสี่ยวเฟิน ยอมรับผลแต่โดยดี  

          "หลังจากข้ามเส้นชัยมาแล้ว ฉันพบว่าเพื่อนของฉันคือผู้ชนะการแข่งขัน ฉันยังคงมีความสุขมาก เราให้กำลังใจกันและกันในการแข่งขัน สปิริตในการแข่งขันสร้างแรงบันดาลใจได้มาก และเหนือสิ่งอื่นใด เราไม่ใช่นักกีฬามืออาชีพ" เสี่ยวเฟิน กล่าว


          โดยภายหลังจากคลิปวิดีโอการแข่งขันถูกแชร์และพูดถึงต่อกันออกไป มีบางส่วนมองว่าเป็นความน่าอับอายที่เธอฉลองชัยก่อนเข้าเส้นใจ จนทำให้พ่ายแพ้ไป ถึงขนาดบางคนสงสัยว่า เธอตั้งใจทำเช่นนั้น เพื่อให้เพื่อนของเธอเป็นผู้ชนะ

          อย่างไรก็ดี เสี่ยวเฟิน ได้ให้สัมภาษณ์โดนมองโลกในแง่ดี โดยกล่าวว่า "ไม่เป็นไรมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันคิดว่าฉันทำได้ดี แต่ครั้งนี้ฉันแค่พลาดไป ฉันประมาทจริง ๆ แต่ฉันลองใหม่ครั้งหน้า และไม่มีทางที่ฉันจะจงใจทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น" 


ขอบคุณข้อมูลจาก South China Morning Post, Yahoo