แท็กซี่เซ็ง ลูกค้าเบี้ยวจ่าย-หนีเข้าบ้าน โผล่แค่หน้ามาคุย ลั่นให้ได้แค่นี้ จะเอาก็เอา

          คนขับแท็กซี่เหวอ ผู้โดยสารนั่งจากสุวรรณภูมิมาส่งบ้านที่อยุธยา เบี้ยวจ่ายเงิน 1,300 ตามมิเตอร์ ก่อนปิดประตูหนีเข้าบ้าน โยนให้เท่าที่อยากจ่าย

          วันที่ 15 มกราคม 2568 โหนกระแส รายงานว่า ตำรวจ สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุจากคนขับแท็กซี่ ถูกผู้โดยสารเบี้ยวจ่ายค่าแท็กซี่ หลบอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ใน ต.นครหลวง อ.นครหลวง จึงเดินทางมาตรวจสอบ พบว่า บ้านดังกล่าวมีรั้วเหล็กปิดมิดชิดมองไม่เห็นภายในบ้าน โดยมีคนขับแท็กซี่จอดรถรอตำรวจอยู่หน้าบ้าน

          คนขับแท็กซี่ เล่าว่า ลูกค้าชายคนดังกล่าว จ้างให้ขับจากสนามบินสุวรรณภูมิ มาที่บ้านหลังนี้ โดยกดมิเตอร์มาปกติ ไม่ได้จ้างเหมา พอมาถึงหน้าบ้านแจ้งราคาตามมิเตอร์ 1,374 บาท แต่ลูกค้าโวยวายหาว่าโกงราคามิเตอร์ จะจ่ายแค่ 1,100 บาท พร้อมกับเปิดประตูบ้านแล้วหลบเข้าไปภายในบ้าน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเจรจา


          ต่อมา ตำรวจจึงแสดงตัวพร้อมกับตะโกนเรียกให้ชายคนดังกล่าวออกมาพูดคุยเจรจา แต่อีกฝ่ายไม่ยอมออกจากบ้าน อ้างว่าหากุญแจรั้วบ้านไม่เจอ โผล่มาให้เห็นเพียงศีรษะเหนือรั้วบ้าน บอกว่าเคยนั่งมาราคาแค่ 700-800 บาท มองว่าแท็กซี่คันนี้คิดราคาเกินจริง ก่อนจะโยนเงินจำนวน 1,100 บาทออกมานอกรั้ว ยืนยันว่าจะจ่ายเท่านี้ ถ้าคนขับแท็กซี่ไม่เอา ก็ให้เอาเงินไว้ที่โรงพัก ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป


          ด้าน คนขับแท็กซี่ เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.นครหลวง พร้อมเปิดใจว่า ช่วงเวลา ประมาณ 03.00 น. ผู้โดยสาร คนดังกล่าว อายุราว 55-60 ปี แต่งตัวดูดี เรียกรถแท็กซี่จากสนามบินสุวรรณภูมิ ให้มาส่งที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเป็นการกดมิเตอร์ตามระยะทาง โดยตลอดเวลาระยะทางที่ผู้โดยสารนั่งมาในรถแท็กซี่ ก็สูบบุหรี่ในรถตลอดเวลา ซึ่งตนก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำแค่เพียงเปิดกระจกรถมาตลอดทาง

          จนมาถึงหน้าบ้านผู้โดยสาร ช่วงเวลาประมาณ 05.30 น. ตนจึงแจ้งค่าแท็กซี่ตามมิเตอร์ตามจริง ซึ่งมิเตอร์ยอดแรกที่ขึ้น 929 บาท เนื่องจากตนจอดเติมแก๊สแถวอำเภอวังน้อย เติมแก๊สเสร็จจึงกดมิเตอร์ เดินทางต่อ จนมาถึงบ้านก็คิดยอดที่สอง 445 บาท รวม 1,374 บาท ซึ่งตนคิดแค่ 1,300 บาท แต่ผู้โดยสารคนดังกล่าวไม่ยอมจ่าย และเดินเข้าบ้านจากนั้นปิดประตูรั้วพร้อมตะโกนออกมาว่าจะจ่ายเพียง 1,100 บาทเท่านั้น


          ตนก็พยายามอธิบายว่าค่ามิเตอร์โดยสารขึ้นตามจริง ผู้โดยสารต้องจ่าย แต่อีกฝ่ายไม่ยอมจ่าย ตนจึงโทร. แจ้งตำรวจให้มาช่วยเจรจา แต่ก็ยังไม่เป็นผล ยืนยันจะจ่ายแค่ 1,100 บาท แล้วก็โยนเงินออกมา ตนมองว่าผู้โดยสารรายนี้หัวหมอ ตั้งใจจะโกงค่าแท็กซี่อยู่แล้ว สุดท้ายจึงมาลงบันทึกประจำวันไว้ และก็ต้องรับเงินมาแค่ 1,100 บาท เพราะไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ ต้องรีบนำรถไปคืนอู่ ซึ่งเงิน 200 บาทที่ผู้โดยสารไม่ยอมจ่าย ก็ถือเสียว่าทำบุญไปก็แล้วกัน