เรื่องเล่าโดนมิจฉาชีพหลอกเอาเงิน 2 หมื่น สุดท้ายปลอมตัวหลอกมิจฉาชีพจนได้เงินคืน ทำได้ยังไง มีเทคนิค และที่สำคัญคือ ต้องใช้ดวง
ภาพจาก TikTok @cherryymemo
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 TikTok @cherryymemo มีการเล่าประสบการณ์การพลาดโอนเงินให้มิจฉาชีพ แต่สามารถได้คืนทุกบาททุกสตางค์ ทำได้ยังไง เผื่อว่าคนที่เจอเหมือนกันจะได้นำไปใช้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้การันตีว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผล 100% เพราะขึ้นอยู่กับหน้างานและดวงเหมือนกัน มีวิธีการดังนี้
จุดเริ่มต้นการถูกโกง
เธอซื้อแท็บเล็ตผ่านเพจเฟซบุ๊ก มูลค่า 2 หมื่นบาท พร้อมโอนเงินซื้อของอย่างรวดเร็ว โดยเช็กประวัติของทางร้านในเรื่องรีวิว ที่ตั้ง คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เครดิตดี ทว่าหลังโอนเงินไปแล้ว ทางร้านก็เงียบ พอเข้าไปเช็กเพจก็พบว่า เพจร้านหายไปแล้ว จึงเข้าใจทันทีว่า โดนโกง จึงไปแจ้งความ พร้อมแนบหลักฐานคือ สลิปโอนเงิน และแคปแชตให้ด้วย
ภาพจาก TikTok @cherryymemo
แจ้งตำรวจไม่พอ ต้องทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย
การถูกโกงแบบนี้ นอกจากใช้กระบวนการทางกฎหมายแล้ว เธอยังตามหาบัญชีม้าด้วยตัวเอง เพราะตำรวจบอกมาว่า คดีทำนองนี้เกิดขึ้นเยอะมาก มีความเสี่ยงที่จะทำคดีช้า และนี่ก็เป็นการเริ่มขั้นตอนการหลอกมิจฉาชีพ เพื่อเอาเงินคืน
สิ่งแรกที่ทำคือ เธอเอาชื่อบุคคลในบัญชีม้าไปค้นหาใน Google แล้วแคปข้อมูลเก็บเอาไว้ทั้งหมด หาข้อมูลที่อยู่ว่าอีกฝ่ายบ้านอยู่ไหน แม้กระทั่งคนนามสกุลเดียวกันก็ต้องเก็บข้อมูลด้วย ไล่สืบไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เจอเจ้าของบัญชีม้า
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า เจ้าของบัญชีม้าเป็นมิจฉาชีพโดยแท้ และมีความเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ รับปั่นบาคาร่า ดังนั้นถ้าหากเธอทักไปโต้ง ๆ คงโดนบล็อก จึงทำทีทักไปว่า เธอมีเงินอยู่ 500 บาท ขอให้มิจฉาชีพช่วยทำให้เงินมันงอกเงยมาเป็น 4,000 ถ้าหากทำได้มากกว่านั้น จะยกส่วนต่างให้
จากนั้นก็โอนเงินไป 500 บาทเพื่อซื้อใจ แล้วเริ่มค่อย ๆ ใช้เวลาในการคุยทำความรู้จักกับมิจฉาชีพรายนี้ แสร้งทำทีเป็นสนใจการหาเงินจากบัญชีม้า จนล้วงความลับเรื่องเส้นทางการเงินได้
มิจฉาชีพบอกว่า ตัวเองคือม้าตัวที่ 1 หลังจากที่เหยื่อโอนเงินมาให้ ก็ต้องโอนเงินต่ออีกทอดไปยังม้าตัวที่ 2 แต่สิ่งที่ทำให้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการเอาเงินคืนคือ ม้าตัวที่ 1 ส่งสลิปการโอนเงินไปยังม้าตัวที่ 2 ให้เธอ และยอดนี้ก็เป็นยอดที่ตรงกับเงินที่เธอเสียไป 2 หมื่นค่าแท็บเล็ต
ภาพจาก TikTok @cherryymemo
ตามหาม้าตัวที่ 2
หลังจากรู้ชื่อบัญชีม้าตัวที่ 2 เธอก็ไปค้นเฟซบุ๊กจนเจอตัว และเข้าไปทักตามสเต็ป เหมือนคุยกับม้าตัวที่ 1 ทว่าม้าตัวที่ 2 กลับรู้ทันจึงบล็อกเธอไป แต่เธอไม่ละความพยายาม ใช้เฟซบุ๊กอีกร่างส่งใบแจ้งความบัญชีม้ากลับไปให้ แล้วบอกว่า "เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก" และม้าตัวที่ 2 ก็บล็อกเธออีกครั้ง
เรื่องนี้ ทำให้เธอตรัสรู้ว่า เธอคงไม่สามารถไล่สืบม้าตัวที่ 2 3 4 แบบนี้ไปได้หมดแน่ ๆ ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจเลือกที่จะบี้ม้าตัวที่ 1 เพื่อเอาเงินคืนให้ได้
ภาพจาก TikTok @cherryymemo
วิธีการบี้ม้าตัวที่ 1
หัวใจสำคัญที่ทำให้เธอบี้ม้าตัวที่ 1 ได้คือ เธอตีสนิทได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอก็งงเหมือนกันว่า ทำไมอีกฝ่ายไม่เอะใจสักนิดว่า เธอเป็นใคร ทำไมจู่ ๆ โผล่มา และช่วงเวลาที่เธอแจ้งความ บัญชีม้าตัวที่ 1 ถูกอายัด ทำให้ม้าตัวที่ 1 ร้อนรนมาก แล้วยิ่งร้อนรนคูณ 2 เมื่อเธอใช้เฟซบุ๊กอีกอันที่เป็นของแฟน เป็นชื่อคนแจ้งความ เข้าไปทักม้าตัวที่ 1 ว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่ถ้าคืนเงินมาให้จะถอนแจ้งความ
หนึ่งในคำแนะนำที่เธอไซโคม้าตัวที่ 1 คือ รู้ว่าอีกฝ่ายอายุ 19 ปี และมีลูก ก็เลยเจาะไปที่ลูกว่า การเป็นบัญชีม้าอาจทำให้ลูกไม่ได้เข้าโรงเรียน ส่วนตัวเจ้าของบัญชีม้าก็อาจจะสมัครงานที่ไหนไม่ได้ รับเงินจากโครงการรัฐในการเลี้ยงลูกไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่พอทำได้คือ การเอาแชตหลักฐานที่คุยกับม้าตัวที่ 2 ไปแจ้งความกับตำรวจว่า ถูกหลอกให้ทำบัญชีม้า
เธอใช้เวลาในการบี้ประมาณ 2-3 เดือน จนในที่สุดม้าตัวที่ 1 ก็แจ้งความจับม้าตัวที่ 2 แต่ในเชิงปฏิบัติคือ "ม้าตัวที่ 1 แจ้งความจับตัวเอง" ส่วนตำรวจที่รับทำคดีก็รู้ทัน ก็เลยให้ม้าตัวที่ 1 ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ว่าจะทยอยโอนเงินคืนเหยื่อ ถ้าโอนครบก็จะถอนแจ้งความ
เหตุการณ์นี้ใช้เวลาประมาณ 1 ปี มิจฉาชีพจึงโอนเงินคืนมาให้เหยื่อครบ โดยที่รายละเอียดการที่ทำให้มิจฉาชีพตายใจ ต้องมีเทคนิค และมีลูกเล่นพอสมควร รวมถึงดวง ถึงทำได้สำเร็จ