ประวัติ ทนายสายหยุด ทนายของทนายตั้ม ที่คนชม ออกโหนกระแสไม่ตายไมค์ เก่งมาก

          ล่าสุด วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 รายการโหนกระแส มีการเชิญนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม, นายรณณรงค์ แก้วเพชร เข้ามาพูดถึงประเด็นดังกล่าว โดยทนายสายหยุด กล่าวว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปรามจับกุมนุกับสา คนสนิทของทนายตั้มในคดีเรื่องเงิน 39 ล้านของมาดามอ้อย ต้องรอดูว่า ทั้ง 2 คนจะให้การอย่างไร จะมีการพาดพิงถึงทนายตั้มหรือไม่ หากพาดพิงก็ต้องดูว่า พาดพิงอย่างไร

          ทั้งนี้ ถ้าหากทนายตั้มร่วมกระทำผิดจนถึงขั้นถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดีเงิน 39 ล้าน ตนจะหยุดทำคดีนี้ให้กับทนายตั้มทันที แต่ว่าเงิน 71 ล้านบาท เงินส่วนต่างค่ารถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท และคดีค่าเขียนแบบโรงแรม 9 ล้านบาท ยังทำคดีให้เหมือนเดิม

          ส่วนสถานการณ์ทนายตั้มภายในคุก ทนายตั้มบอกสั้น ๆ ว่า กำลังใจดี อยู่ข้างในมีแต่คนแย่งกันดูแลผม

ทนายรณณรงค์ โต้ ทนายสายหยุด สวน

          ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว แม้เป็นการยืมไป แต่ถ้าไม่ได้ทำตามเหตุให้ยืม เช่น บอกจะเอาไปทำสลากออนไลน์ แต่สุดท้ายไม่ได้ทำ ก็เข้าข่ายความผิดได้

          ด้านทนายสายหยุด กล่าวว่า ต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย เช่น สลากตอนนั้นยังทำไม่ได้หรือไม่ ราคายังสูง โควต้ายังไม่มี จึงยังทำไม่ได้ ใช่หรือไม่ ส่วนเรื่องที่ว่า ถ้าไม่ทำ แล้วทำไมไม่คืนเงินมาดามอ้อย เรื่องนี้ต้องไปถามทนายตั้มเอง เพราะการที่จะคืนไม่คืน เป็นเรื่องของทนายตั้ม แต่เรื่องของตนคือ ทนายตั้มผิดหรือไม่ผิดคดีอาญาแค่นั้น

คดีเงิน 39 ล้านคืออะไร

          สำหรับคดีเงิน 39 ล้าน ไทยพีบีเอส รายงานว่า เป็นเงินที่มาดามอ้อยโอนให้คนสนิทของทนายตั้ม เพื่อจัดงานวันเกิด และต้องการให้มีดาราจากจีนมาร่วมงานด้วย ซึ่งทนายตั้มก็อาสาไปหาดารามาให้ แต่ต้องโอนเงินผ่านรูปแบบบิตคอยน์

          ต่อมาทนายตั้มขอให้มาดามอ้อยจ่ายแคชเชียร์เช็คคืนให้กับนางสาวสาริณี คนสนิทของทนายตั้มที่นำไปจ้างดาราจีน แล้วอ้างว่า ถูกสแกมเมอร์ แฮกบิตคอยน์ ทำให้มาดามอ้อยต้องโอนเงินชดใช้คืน 39 ล้านบาท

          จากนั้น ตำรวจพบว่า นุกับสาเป็นคนไปถอนเงินสด 39 ล้านบาทที่โอนเข้ามาออกจากธนาคาร มีการตบแต่งพยานหลักฐ่นด้วยการเข้าแจ้งความที่ สน.บางซื่อ นำหลักฐานไปหลอกมาดามอ้อย จนนำไปสู่การออกหมายจับ

กระแสคนดูที่มีความเห็นต่อทนายสายหยุด

          หลังจากที่รายการโหนกระแสจบลง มีหลายคนคอมเมนต์ถึงการทำหน้าที่ของทนายสายหยุดว่า ทำหน้าที่เป็นทนายความของทนายตั้มได้ดี มีวุฒิภาวะ พูดจาน่าฟัง ไม่ตายไมค์ง่าย ๆ ส่วนเรื่องคดีจะผิดจะถูกอย่างไรเป็นเรื่องของศาลที่จะตัดสิน และเมื่อเห็นการทำหน้าที่ของทนายสายหยุด จึงทำให้รู้ว่า ทำไมทนายตั้มถึงส่งคนนี้มาทำคดีของตัวเอง

          ขณะที่ทนายรัชพล บอกกับอ๊อฟ ชัยนนท์ ผู้ประกาศข่าวชื่อดังว่า คนนี้เก่งที่สุดในบริษัททนายตั้มแล้ว ทนาย 20 คนยังสู้สายหยุดคนเดียวไม่ได้
          ชาวเน็ตบางคน ตั้งข้อสังเกตว่า ทนายสายหยุดหน้าเหมือนแมนนี่ ปาเกียว นักมวยแชมป์หลายสมัยจากฟิลิปปินส์ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า ชอบปาเกียวเหมือนกัน จนมีคนเรียกว่า ทนายปาเกียว

          ประวัติทนายสายหยุด เป็นหนึ่งในทนายความของบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ทำงานร่วมกับทนายตั้มมานาน แต่ไม่ค่อยออกสื่อ ส่วนคดีที่สร้างชื่อให้ทนายสายหยุดคือ การเป็นทนายให้กับวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และมูลนิธิหลวงตามหาบัว ปี 2559 กรณีที่วัดเสือถูกกล่าวหาว่าย้ายเสือออกไป

          ในเวลานั้น ทนายสายหยุดเตรียมให้วัดฟ้องร้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรณีขนย้ายเสือโคร่งของกลาง 147 ตัวออกจากวัด อ้างว่า กรมอุทยานฯ ละเมิดข้อตกลงการฝากเลี้ยงเสือที่ให้ไว้ในปี 2544 และจะใช้กำลังยึดเสือโดยมิชอบ และยื่นหนังสือร้องเรียนว่า กรมอุทยานฯ ไม่มีสิทธิ์มายึดเสือ

          สุดท้าย ศาลนัดทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ย โดยทางอุทยานจะไม่ให้มีการเลี้ยงเสือเพื่อการโชว์ ทำให้ปัจจุบันในวัดมีแค่หมูป่า กวาง วัว และสัตว์ป่าทั่วไปที่นักท่องเที่ยวคอยให้อาหารเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยพีบีเอส