เด็กวัย 12 ส่อตาบอดถาวร จากอาหารที่กิน เผยสิ่งที่เลือกกิน จนขาดสารอาหารจำเป็น


           เด็กวัย 12 ส่อตาบอดถาวร จากอาหารที่กิน พบเลือกกินแต่อาหารขยะบางชนิด อย่างอื่นไม่ยอมแตะ ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น แม้บำบัดได้แต่สายไปต่อดวงตา

เด็กวัย 12 ส่อตาบอดถาวร เหตุเลือกกิน จนขาดสารอาหารจำเป็น

           เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า เด็กชายวัย 12 ปี จากรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ ต้องสูญเสียการมองเห็นแบบถาวร เนื่องจากการกินแต่อาหารขยะจนขาดสารอาหาร ทำให้เส้นประสาทตาฝ่อรุนแรงเกินกว่าจะสามารถกู้คืนได้

           ข้อมูลที่เปิดเผยในวารสารการแพทย์ ระบุว่า เด็กชายวัย 12 ปีรายนี้ป่วยเป็นออทิสติก เขายังเป็นโรคเลือกกินอาหาร (ARFID) เพราะกลัวรสสัมผัสของอาหารบางชนิดอย่างรุนแรง ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอาหารขยะอย่าง แฮมเบอร์เกอร์เปล่า ๆ เฟรนช์ฟรายกับน้ำสลัดแรนซ์ โดนัท และน้ำผลไม้กล่อง เท่านั้น

           เด็กชายเริ่มมีปัญหาด้านการมองเห็นเมื่อต้นปีนี้ โดยการมองเห็นของเขาจะมืดลงในช่วงเช้าและเย็น แต่จะดีขึ้นในช่วงระหว่างวัน และภายในเวลา 6 สัปดาห์จากนั้น เขาก็ไม่สามารถเดินเองได้อย่างอิสระ มักจะวิ่งไปชนประตูและกำแพง จนต้องให้พ่อแม่มาช่วยอยู่ตลอด กระทั่งคืนหนึ่งเด็กชายก็ตื่นมาพร้อมกรีดร้องว่าเขามองไม่เห็นแล้ว
 
           เมื่อพาส่งโรงพยาบาล ผลการทดสอบเผยว่าเขาขาดสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพของประสาทตา ในระดับรุนแรง สืบเนื่องจากอาหารที่เขากินเข้าไป เส้นประสาทตาของเด็กชายเริ่มฝ่อมาระยะหนึ่งแล้ว และเสียหายก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล แม้แพทย์จะให้อาหารเสริมและทำการบำบัดด้วยอาหาร แต่แพทย์เกรงว่าอาการของเด็กชายจะรุนแรง ในระดับที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อฟื้นฟูได้แล้ว และมีแน้วโน้มที่จะสูญเสียการมองเห็นถาวร

           แพทย์เชื่อว่าการสูญเสียการมองเห็นนี้ สืบเนื่องจากการขาดวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินดี ทองแดง และสังกะสี ในระดับที่รุนแรง จากอาหารที่เด็กชายกินอย่างจำกัด โดยเฉพาะวิตามันดี ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในโปรตีนไวต่อแสดงที่ช่วยสร้างเม้ดสีในจอประสาทตา

           วิตามินดียังช่วยในการผลิตน้ำตา ซึ่งมีความสำคัญในการป้องกันอาการตาแห้งและขับของเสีย ทองแดงกับสังกะสียังช่วยปกป้องเซลล์และโครงสร้างในจอประสาทตา รวมถึงวิตามินซีก็ปกป้องดวงตาจากความเสียหายของแสงยูวี
 
           แพทย์จากโรงพยาบาลเด็กบอสตัน ระบุว่า เด็กชายเป็นโรคเลือกกินอาหาร ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยเด็กออทิสติกประมาณครึ่งหนึ่ง ในระดับที่แตกต่างกัน และโรคนี้ยังเกิดขึ้นกับชาวอเมริกัน 1 ใน 200 คน ทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ไม่หลากหลาย เนื่องจากความกังวลหรือรู้สึกไม่ชอบสี รสชาติ รสสัมผัส หรือกลิ่นของอาหาร  

           สำหรับเด็กชายรายนี้ พบว่าคลอดก่อนกำหนด 2 เดือน และมีภาวะขาดออกซิเจนตอนคลอด อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความผิดปกติอื่นนอกเหนือจากโรคเลือกกินอาหารและออทิสติก โดยจะมีความล่าช้าในการพูด การรับรู้ และการเคลื่อนไหว

           ทั้งนี้ พบว่า 2 วันก่อนที่เด็กชายจะเข้าโรงพยาบาล พ่อแม่สังเกตเห็นรอบดวงตาของลูกชายบวมและตกสะเก็ด รวมถึงเห็นว่าลูกมักจ้องมองไปยังกำแพง แทนที่จะจ้องไปยังโทรทัศน์ และโรคเลือกกินของลูกชายก็ทำให้เขาหลีกเลี่ยงการลองอาหารใหม่ ๆ รวมถึงวิตามินต่าง ๆ เพราะเขาไม่ชอบรสสัมผัส

           ในรายงานจากแพทย์ ระบุว่า เด็กชายได้รับอาหารเสริมเป็นวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินดี วิตามินเค รวมถึงแคลเซียม ไทอามีน ทองแดง และสังกะสี ขณะอยู่ในโรงพยาบาล จนสารอาหารของเด็กชายกลับมาอยู่ในระดับปกติ เขายังเริ่มกินผักกาดหอมและชีสในแฮมเบอร์เกอร์ได้ หลังเริ่มบำบัดด้านพฤติกรรม

           นอกจากนี้พ่อแม่ยังเติมอาหารเสริมลงในกล่องน้ำผลไม้ของลูก แต่ว่าผ่านไปได้ไม่กี่สัปดาห์ เด็กชายจะไม่ยอมกินแล้วก็ตาม

           แต่โชคร้ายที่อาการจอประสาทตาเสื่อมของเด็กชายรุนแรงมาก เมื่อโรคถูกพบในระยะที่รุนแรงระดับนี้ไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว แต่หากตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การแก้ไขภาวะขาดสารอาหาร ยังอาจช่วยปรับปรุงด้านการมองเห็นได้บ้าง

ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail



คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? รอโหลดข้อความของเพื่อน ๆ ด้านล่างนี้สักครู่ แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !
เด็กวัย 12 ส่อตาบอดถาวร จากอาหารที่กิน เผยสิ่งที่เลือกกิน จนขาดสารอาหารจำเป็น โพสต์เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11:53:55 18,794 อ่าน แสดงความคิดเห็น