ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เดลินิวส์ รายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติด้านความปลอดภัยบนท้องถนน ร่วมแถลงข่าวเปิดกิจกรรม รณรงค์ความปลอดภัยทางถนนของสหประชาชาติ ภายใต้แคมเปญ #MakeASafetyStatement โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญของไทย มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 18,000 คน พิการกว่า 10,000 คนต่อปี และบาดเจ็บกว่า 1 ล้านคน มีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี
นายสุริยะ กล่าวว่า ตามรายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนนปี 2566 ขององค์การอนามัยโลก พบว่า ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 25 คนต่อแสนประชากร ซึ่งประเทศไทยได้กำหนดเป้าหมายในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็น 12 คนต่อแสนประชากร ภายในปี 2570 ทางกระทรวงคมนาคมจึงเร่งผลักดันขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทุกมิติ อาทิ
- ยกระดับมาตรฐานการออกใบอนุญาตขับรถ การพัฒนามาตรฐานยานยนต์ให้เป็นมาตรฐานสากล UN Regulations
- บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมถึงบูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อยกระดับและพัฒนากระบวนการออกใบอนุญาตขับรถให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
- นำระบบดิจิทัลที่เหมาะสมมาใช้ในการบริหารและการให้บริการประชาชน
- พิจารณาและปรับปรุงกฎระเบียบรองรับการตรวจคัดกรองสุขภาพ และตรวจประเมินสมรรถนะผู้ขับรถ พัฒนาระบบให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลใบรับรองแพทย์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
จ่อคุมเข้มเรื่องหมวกกันน็อก หากไม่สวมต้องนั่งรอ 1-3 ชม. ก่อนออกใบสั่ง
จากข้อมูลพบว่า อุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ ทำให้เกิดการเสียชีวิตมากที่สุด และยังพบว่าผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกกันน็อก ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมาก และให้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ขณะนี้ได้หารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและภาคเอกชนแล้ว ซึ่งเบื้องต้นมีแนวคิดจะออกมาตรการให้ร้านค้าที่จำหน่ายรถจักรยานยนต์จำหน่ายควบคู่กับหมวกกันน็อก 2 ใบ จากเดิม 1 ใบ โดยจะเริ่มดำเนินการในช่วงต้นปี 2568
จากนั้นจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมาย โดยในระยะแรกถ้าผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกกันน็อก จะเชิญไปสถานีตำรวจเพื่ออบรม และดูวิดีโอเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดจากการไม่สวมหมวกกันน็อก ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายเข็ดหลาบ ไม่อยากต้องมาเสียเวลานั่งอบรม
ขณะที่รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า กระทรวงคมนาคมจะมีการไปหารือกับตำรวจกรณีไม่ใส่หมวกกันน็อก จะยังไม่ให้ปรับทันที แต่ให้นั่งรอที่จุดโดนใบสั่งหรือให้ไปนั่งรอที่โรงพักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง เชื่อว่าจะทำให้เกิดความไม่สะดวก และคนจะใส่หมวกกันน็อกมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์