ภาพจาก Samutprakan City
วันที่ 26 ตุลาคม 2567 ภายหลังจบเกมที่ สโมสรสมุทรปราการ ซิตี้ พบกับ พัทยา ยูไนเต็ด ในศึกไทยลีก 2 ซึ่งผลจบลงด้วยการเสมอกันไป 0-0 ส่งผลให้ สมุทรปราการ อยู่ที่ 16 หรืออันดับ 3 จากท้ายตาราง เตะ 10 นัด มี 10 แต้ม
ภาพจาก Samutprakan City
ด้าน ปาย ลกากรณ์ จันทรมณี ผู้จัดการทีม สโมสรสมุทรปราการ ซิตี้ ออกมาเปิดใจหลังจบเกม โดยด่าแฟนบอลบางกลุ่มของพัทยา ยูไนเต็ด ว่า "สันดานไม่ดี" หลังอ้างว่าโดนด่าบุพการี พร้อมทั้งจวกกลุ่มแฟนบอลทีมตัวเอง ก่อนประกาศยุบทีมทันที
ปาย ลกากรณ์ ระบุว่า "ผลการแข่งขัน ผมมองว่าทั้ง 2 ฝั่งเล่นกันสนุก ขอบคุณฝั่งสตาฟ์พัทยา และสตาฟ์สมุทรปราการ ที่ทำการบ้านมาอย่างดี ชื่นชมสปิริตทุกคนครับ
หลังเกม คือตลอด 90 นาทีรวมถึงทดเวลา ทุกอย่างออกมาดี พอมาหลังเกม น้อง ๆ นักกีฬาของเรา เดินไปขอบคุณแฟนบอลอัลตร้าของพัทยา แต่มาตะโกนด่าพ่อ ด่าแม่ ด่าถึงบุพการีของผม และของทุก ๆ คนในทีม
ผมมองว่าพวกนี้สันดานไม่ดีครับ ผมไม่ได้ว่าแฟนบอลพัทยาท่านอื่น แต่ผมขอประณามไอ้พวกสันดานไม่ดีพวกนี้ คือไม่ควรอยู่ในวงการฟุตบอล
และผมก็ขอพูดถึงคนที่อ้างตัวว่าเป็นประธานเชียร์ของสมุทรปราการ ซิตี้ คือพี่อ๊อด ไม่ควรที่จะมาอบรมหรือด่านักบอล และทีมสตาฟ์ของสมุทรปราการ เพราะทุกอย่างประจักษ์ให้เห็นล้วว่า คนที่ทำไม่ดี คนที่ด่าเรา ที่ยั่วยุทุกสิ่งทุกอย่าง คือแฟนบอสถุนพวกพัทยา ไอ้อุลตร้าพัทยาทั้งหลายครับ
ผมจะไม่ฝากอะไรครับ ผมขอประกาศตรงนี้ว่า วันนี้สโมสรสมุทรปราการ ซิตี้ จะขอยุบทีม และไม่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในทุกรายการ ถ้าสมาคมหรือใครจะมีปัญหา หรือแฟนบอลที่มาคอมเมนต์ตามสื่อโซเชียลมาว่าเราไม่มีเงิน ขอให้ติดต่อผมมาโดยตรง เราจะชี้แจงให้ทราบว่าสิ่งที่เราทำไปมีอะไรบ้าง"
ภาพจาก Samutprakan City
พี่อ๊อด ประธานกองเชียร์ขอชี้แจงหลังถูกพาดพิง เผยห้ามปรามนักเตะหวั่นมีเรื่องบานปลาย
ต่อมา พี่อ๊อด ประธานเชียร์ของสมุทรปราการ ซิตี้ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หลังถูก ปาย ลกากรณ์ กล่าวพาดพิง โดยทำการโพสต์บัตรสมาชิกสโมสร หมายเลข 001 พร้อมข้อความ ระบุว่า "ขอยุติบทบาท ขอบคุณและขอโทษทุกคน พร้อมชี้แจงว่า สิ่งที่ทำลงไป เพื่อพยายามลดโอกาสการสร้างความขัดแย้งของทั้ง 2 ทีม" โดยระบุข้อความว่า
ผมขอยุติบทบาท ขอบคุณและขอโทษทุกคน ผมเชื่อว่าในเมืองไทยนี้ ผมไม่เป็นสองรองใครในเรื่องความรักต่อสโมสรฯ และในทุกเรื่อง ผมเชื่อว่าผมมีสติทุกครั้งในการตัดสินใจทำอะไร และในทุกเรื่องที่ผมตัดสินใจ ผมไม่ได้มีวิธีคิดในการตัดสินใจเพื่อตนเอง แต่ผมคิดว่า ผมมองไปไกลกว่านั้น เพื่อทุก ๆ คน
1. ในสนาม ถ้าไม่ถามผม ผมก็จะไม่ขอตอบ เพราะในสนามเป็นหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งผมมีความเชื่อว่า มันมีขั้นตอน เพื่อการควบคุมดูแล แต่ถ้าถามผม ผมก็ยังเชื่อว่า ถ้าเป็นผม ผมจะเดินถอยออกมาแล้วให้ทีมควบคุมดูแลจัดการต่อไป
2. นอกสนาม ผมยังยืนว่า ความอดทนในฐานะเจ้าบ้าน ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร คุณมาในสนามฐานะกองเชียร์ ไม่ใช่นักรบ ถ้าอยากจะชนะ ต้องชนะในวิถีเชียร์ 90 นาที
สุดท้าย ผมอยากจะบอกทุกคนว่า ถ้าเรามาเชียร์ฟุตบอล และมองว่าผู้คนรอบกายเรา คือ เพื่อนพี่น้องที่เราต้องรักษาไว้ ให้เขามีความสุขในเกมฟุตบอล ให้กลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย และให้พวกเขาเอาความสุขที่เขาได้ กลับไปเชื้อเชิญเพื่อน ญาติ พี่น้อง ให้กลับมาสนับสนุนทีมฟุตบอลต่อไป
ไม่ใช่การที่พวกเขาเข้ามาในสนาม พาลูกหลานมาเห็นแต่เสียงด่าทอ เห็นแต่ความรุนแรง สุดท้ายอาจได้รับอันตราย จากสิ่งที่ไม่คาดคิด แล้วคิดว่าพวกเขาอยากจะกลับมาอีกหรือ ?
ไม่รวมถึงการเดินทางไปเยือนในสถานที่ต่าง ๆ หากทุกคนสร้างแต่ความบาดหมางเอาไว้ แล้วผู้คนที่เขาชอบชมเกมฟุตบอลในสนาม มีความจงรักภักดีต่อสโมสรฯ ติดตามไป เชียร์ทุกสนาม จะหาความสบายใจและความปลอดภัยได้จากใหน ?
ผมเดินทางในสายนี้มายาวนาน ผมรักษาวินัยในการเชียร์มาอย่างสม่ำเสมอ ผูกมิตรกับทีมเชียร์ทุกทีมเท่าที่ทำได้ เพื่อผลให้สโมสรฯ มีมุมมองที่ดีจากคนภายนอก การเชียร์ไม่หยุด การมีวินัยในการเชียร์ การให้เกียรติคู่แข่ง ที่ทำต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนาน ก็เคยได้รับคำชมเชยจากพี่น้องกองเชียร์อื่น ๆ มาตลอด
ผมจึงไม่เข้าใจว่า วันนี้พวกเราจะทำลายมันไปด้วยอารมณ์ เพื่ออะไร ?
ขอบคุณพี่น้องทุกคนที่เดินทางร่วมทางกันมาอย่างยาวนาน ขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติผมเสมอ ทั้งที่ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรต่อกัน ขอให้ทุกคนรักษาวัฒนธรรมที่ดีของ ฅนปราการ ที่ลงมือทำมันมาอย่างยาวนานเอาไว้ครับ นับถือ / ขอโทษ และ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ
ต่อมา พี่อ๊อด แชร์คลิปการเชียร์ พร้อมข้อความอีกว่า เชื่อว่า ผมไม่เคยแสดงตัวตนและใช้นามว่า ประธานเชียร์ทีมสโมสรใด ๆ ตลอดเวลาเป็นสิบปีทั้งทีมชาติและทีมบ้าน ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ก็ไม่เคยแสดงตัวตน ยกตนข่มท่านกับผู้ใด มีแต่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือทุกคนเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้วงการเชียร์ฟุตบอลไทย ที่มีกองเชียร์ที่มาด้วยหัวใจ มีความสามารถเดินร่วมทางกันไปให้ไกลที่สุด
อีกประการหนึ่ง ผมไม่เคยมีทัศนคติในการด่านักเตะ มีแต่จะให้การสนับสนุนให้กำลังใจเสมอมา สุดท้าย ผมเชื่อว่า ผมคือกองเชียร์ในประเทศไทยคนหนึ่ง ที่มีความจงรักภักดีต่อสโมสรฯ อย่างถึงที่สุด และไม่เคยทำอะไรให้เสื่อมเสียต่อสโมสรฯ จนวันหนึ่ง มีน้อง ๆ นักศึกษาให้ความกรุณาทำคลิปกองเชียร์ให้ ผมขอจบเรื่องราวต่าง ๆ ไว้เพียงตรงนี้ ขอบคุณทุกคนครับ
เปิดปมขัดแย้งแฟนบอลทั้ง 2 ทีม ปมย้ายสนามเหย้า เปลี่ยนชื่อสโมสร
ขณะที่ เดลินิวส์ รายงานว่า สำหรับที่มาของเหตุการดังกล่าวนั้น ทั้ง 2 ทีมมีประเด็นกันมา เพราะก่อนจะเป็น สมุทรปราการ ซิตี้ ทีมเดิมคือสโมสรพัทยา ยูไนเต็ด แต่ปี 2561 ผู้บริหารสโมสรเปลี่ยนชื่อ เป็นสมุทรปราการ ซิตี้ เปลี่ยนสนามเหย้า ทำให้แฟนบอลพัทยา ยูไนเต็ด ไม่พอใจ เป็นปมในใจมาตลอด
ขณะเดียวกัน พัทยา ยูไนเต็ด ทีมที่เพิ่งเตะกับ สมุทรปราการ ซิตี้ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม คืออีกทีมหนึ่งที่ไต่เต้ามาจากไทยลีก 3 ด้วยชื่อ พัทยา ดอลฟินส์ ยูไนเต็ด และเมื่อได้เล่นไทยลีก 2 ฤดูกาล 2566-2567 เปลี่ยนชื่อเป็น พัทยา ยูไนเต็ด
ด้วยความที่มีปมกันมา เรื่องชิงสิทธิ์ของทีมไป ทำให้กองเชียร์บางส่วนยังไม่พอใจ การเจอกันฤดูกาลก่อน ก็มีประเด็นปะทะคารมกัน กระทั่งล่าสุด หลังจบเกมเมื่อวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม ปาย ลกากรณ์ ผู้จัดการทีม ได้พานักเตะ สมุทรปราการ ซิตี้ เดินไปขอบคุณหน้าอัฒจันทร์กองเชียร์พัทยา ยูไนเต็ด ก่อนจะเริ่มปะทะคารมด่ากัน จนสถานการณ์ทำท่าจะไม่ดี เมื่อต่างมีอารมณ์มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ในมุมของแฟนบอลสมุทรปราการ ซิตี้ ก็พยายามอธิบายว่า ตอนที่นักเตะสมุทรปราการเดินมาที่อัฒจันทร์ ได้พยายามเตือนสตินักฟุตบอล เจ้าหน้าที่ในทีม ว่าให้ระวังชนวนเหตุที่จะทำให้เกิดความรุนแรง อย่างไรก็ตาม จากนั้นผู้จัดการทีมได้อัดคลิปพูดถึงเหตุดังกล่าว และประกาศ ยุบทีม ซึ่งสร้างความงุนงงว่าเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นเลยหรือ