พี่อ้อย เศรษฐีหมื่นล้านถึงไทย ทนายชี้คู่กรณียังไม่ติดต่อมา ด้าน สนธิ ลิ้มทองกุล ลั่นเงิน 71 ล้าน ไม่ได้โอนให้ทนายโดยเสน่หา - แย้มประเด็นรถหรู 9 ล้าน
ภาพจาก เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์
วันที่ 26 ตุลาคม 2567 เดลินิวส์ รายงานว่า นายสมชาติ พินิจอักษร
ทนายความของ นางสาวจตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย นักธุรกิจสาวเศรษฐีหมื่นล้าน
ที่แจ้งจับทนายดัง ในคดีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท เปิดเผยว่า
นางสาวจตุพรจะยังไม่เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม แต่จะไปในวันพรุ่งนี้
(27 ตุลาคม) หรือไม่ ยังไม่ทราบรายละเอียด
ส่วนการโอนสำนวนคดีมาที่ทางกองปราบฯ เป็นวัตถุประสงค์ของนางสาวจตุพร ซึ่งอาจมองว่าในพื้นที่เครื่องมือต่าง ๆ จำนวนเจ้าพนักงาน สภ.ปากช่อง อาจไม่พร้อม และกลัวว่าจะทำคดีล่าช้า เพราะคู่กรณีเป็นทนายความชื่อดัง จึงตัดสินใจโอนมาให้กองปราบฯ ทำคดีนี้
สำหรับทนายดังที่เป็นคู่กรณีนั้น ยังไม่มีการติดต่อผ่านตนมา แต่จะติดต่อไปยังเลขาฯ ของนางสาวจตุพรหรือไม่ ขอยืนยันว่าถ้าเป็นในส่วนรูปคดี ต้องติดต่อผ่านตนเท่านั้น
ทั้งนี้ ทนายสมชาติ ยืนยันว่า ลูกความมีการทำเอกสารสัญญาการร่วมทำธุรกิจโปรแกรมสลากออนไลน์จริง ๆ ลงนามโดยชื่อของผู้เสียหายคือนางสาวจตุพร และคู่สัญญา แต่ไม่มีชื่อของผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในสัญญา แต่มีชื่อของบุคคลใกล้ชิดที่มาเซ็นชื่อเป็นพยาน และขอยืนยันว่าเอกสารฉบับนี้ มีผลทางกฎหมายและเป็นหลักฐานในคดีนี้ได้อย่างแน่นอน และนางสาวจตุพรกับสามี เดินทางมาถึงที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
ภาพจาก เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์
ทางด้านรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 รายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ โดยมีการเปิดหลักฐานการโอนเงิน 71,067,714.70 บาท จากบัญชีของนางสาวจตุพร ไปยังบัญชีของทนายคนดัง พร้อมชี้ว่าที่ก่อนหน้านี้ทางทนายออกมาชี้แจงผ่านรายการว่า เงินนี้ไม่ใช่เงินรวมลงทุนและเป็นการให้โดยเสน่หานั้น เป็นเรื่องโกหก
นายสนธิ บอกว่า การโอนเงินตรงจากต่างประเทศไม่มีที่ไหนเสียภาษี 40 และเงิน 71 ล้านบาทที่ทนายได้มา ก็ไม่ได้เสียภาษี เป็นการหนีภาษี หากพูดผิดขอให้ทางทนายนำหลักฐานการเสียภาษีมาแสดง แล้วตนจะยอมกราบเท้า
นายสนธิ ได้เล่าไทม์ไลน์การโอนเงิน 71 ล้านบาทนี้ว่า นางสาวจตุพรได้ว่าจ้างบริษัทของทนายรายดังกล่าวเป็นที่ปรึกษากฎหมาย เดือนละ 300,000 บาท แต่เงินถูกโอนเข้าบัญชีส่วนบุคคล ซึ่งช่วงปลายปี 2565 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2566 ช่วงที่ทนายอ้างว่าได้รับโควตาสลากออนไลน์มาจากผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงที่กองสลากพลัสตกเป็นข่าว มีความเสี่ยงที่จะถูกปิด นางสาวจตุพรจึงตกลงร่วมลงทุน และโอนเงินเข้าบัญชีของทนายในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 แต่จากนั้นเมื่อกลับเข้า กทม. ทนายกลับถอนเงินจนเกลี้ยงบัญชี ไปซื้อบ้านหรู
นอกจากนี้ นายสนธิยังเปิดรูปรถเบนซ์จีคลาส รุ่นจี 400 ราคาคันละ 9 ล้านบาท ที่นางสาวจตุพรให้ทนายหาซื้อรถไว้ใช้เมื่อมา กทม. แต่ทนายก็ตุกติกสารพัด ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าเงิน 71 ล้านที่ นางสาวจตุพรโอนให้ทนาย ไม่ใช่การให้โดยเสน่หาแน่นอน
ขณะที่เพจ ดาวแปดแฉก ได้โพสต์ถึงประเด็นเรื่องรถหรูว่า "โผล่อีก!! ประเด็นรถยนต์หรูสีดำ ให้เงินสดไป 15 ล้านบาท แต่ราคาจริงเกือบ 9 ล้านบาท ผู้เสียหายก็นิ่งไม่ถาม มิหนำซ้ำยืมรถไปใช้ ผู้เสียหายส่งคนตามเอารถกลับคืนเมื่อต้นปี 67 จริงหรือไม่ #รอพี่อ้อยเล่าให้ประชาชนฟัง"