ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชมรมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยกาฬสินธุ์
วันที่ 26 ตุลาคม 2567 แนวหน้า รายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้ (25 ตุลาคม) เกิดเหตุพลุระเบิด ในพื้นที่บ้านเก่าน้อย หมู่ 3 ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เกิดบริเวณถนนรอบหนองน้ำสาธารณะปราการ ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายสถิต อายุ 75 ปี และนายเอกสิทธิ์ อายุ 34 ปี ซึ่งถูกแรงระเบิดของพลุจนกระเด็นไปคนละทาง ห่างจากจุดเกิดเหตุกว่า 20 เมตร สภาพศพมีอวัยวะบางส่วนและเศษเนื้อกระจัดกระจายจากแรงระเบิดที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ในจำนวนนี้มี 4 รายอาการสาหัส ทั้งหมดถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลกมลาไสย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลาไสย ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์พ่วงข้างถูกแรงระเบิดจนพังเสียหาย 1 คัน ที่เกิดเหตุยังพบข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ รองเท้า เสื้อผ้า กระเด็นกระจัดกระจายทั่วบริเวณ โดยพบว่า ก่อนเกิดเหตุ กลุ่มผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บได้พากันนำพลุที่ประกอบขึ้น ความสูง 170 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว มาจัดเตรียมเพื่อจุดในงานฉลองบุญกฐินของหมู่บ้าน แต่ระหว่างกำลังจัดเตรียม พลุกลับระเบิดขึ้นเสียก่อน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชมรมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยกาฬสินธุ์
โดยหลังจากชันสูตรศพผู้เสียชีวิต พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ถึงสาเหตุการระเบิด และเสียชีวิตต่อไป ว่าเกิดจากความประมาทของใครหรือไม่ มีการขออนุญาตหรือไม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชมรมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยกาฬสินธุ์
ด้าน นายเทิดศักดิ์ อายุ 48 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนายสถิตซึ่งเป็นเจ้าของพลุที่ระเบิด พร้อมด้วยผู้ช่วยคือนายเอกสิทธิ์ รวมถึงกลุ่มผู้บาดเจ็บ ได้นำพลุมาจัดเตรียมเพื่อจะจุดในงานกฐินหมู่บ้าน ซึ่งมีเจ้าภาพว่าจ้างให้จุดทั้งหมด 12 ลูก โดยลูกที่ระเบิดเป็นลูกที่ 2
แต่ระหว่างเตรียมจุด ผู้เสียชีวิตใช้ค้อนเหล็กและเหล็กมาตอกที่บั้งพลุ เพื่อทำชนวนจุด เพื่อนหลายคนพยายามห้ามและทักท้วงแล้วว่าไม่ให้ตอก เพราะเกรงจะเกิดประกายไฟและระเบิด แต่ผู้เสียชีวิตบอกว่าไม่เป็นไร ตอกนิดเดียว และตอกต่อไปจนเกิดประกายไฟ ทำให้พลุขนาดยักษ์ระเบิดเสียงดังสนั่น จนคนที่อยู่ในบริเวณนั้นกระเด็นไปคนละทิศละทาง ข้าวของกระจัดกระจาย
ส่วนตนโชคดีที่มีรถกระบะบังไว้ จึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งพอได้สติ ก็ลุกขึ้นมาดูเพื่อน ๆ พบว่ามีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาทำการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สอบสวนต่อไป ว่าสาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุจริงหรือไม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชมรมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยกาฬสินธุ์