ภาพจาก เฟซบุ๊ก N Ann Ann
วันที่ 26 ตุลาคม 2567 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า นายไชยวัฒน์ อายุ 39 ปี ชาวบ้าน ม.1 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เปิดเผยหลังพบก้อนอ้วกวาฬ หรืออำพันทะเล น้ำหนักรวม 4.7 กิโลกรัม โดยเก็บได้ขณะนำเรือออกไปหาปลา พบก้อนสีขาวลอยในทะเล จึงเก็บมาไว้ที่บ้าน
หลังนำอ้วกวาฬกลับมา ได้พิสูจน์เบื้องต้นด้วยการนำไปลนไฟ แล้ววางบนอ้วกวาฬ และใช้ไฟแช็กจุดดู ก็พบว่าผิวอ้วกวาฬที่โดนความร้อนจะละลายในทันที ซึ่งผิวที่ละลายมีลักษณะ เป็นสีน้ำตาลคาราเมล มันวาว และมีความเหนียวยืดอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่กลิ่นนั้น คนที่ดมก็บอกมีกลิ่นคล้ายไม้หอม สร้างความสนใจให้คนในพื้นที่ ซึ่งทุกคนก็บอกว่าไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน เคยเห็นแต่ในข่าว ซึ่งหากพิสูจน์ว่าเป็นของแท้นั้นจะมีราคาหลายล้านบาท
ภาพจาก เฟซบุ๊ก N Ann Ann
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ขณะออกเรือไปหาหมึกในทะเล ห่างจากฝั่งประมาณ 8 ไมล์ทะเล ฝั่งตะวันออก เจอบางอย่างลอยน้ำผลุบ ๆ โผล่ ๆ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นอ้วกวาฬ คิดว่าน่าจะเป็นปะการังมากกว่า ก่อนจะกลับเรือไปดูเพื่อความมั่นใจเมื่อลองจับดูมีลักษณะมัน ๆ และมีกลิ่นคาว ๆ จึงยกขึ้นเรือพากลับมาไว้ที่บ้าน และได้ให้เพื่อนบ้านมาช่วยดูว่าเป็นก้อนอะไร ซึ่งเพื่อนบ้านหลายคนบอกว่า น่าจะเป็นก้อนอ้วกวาฬ หรืออำพันทะเล และคิดว่ากิโลกรัมละหลายบาท หากมีคนสนใจตนก็พร้อมที่จะขายในราคาที่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้เคยมีคนที่พบก้อนอำพันทะเล หรืออ้วกวาฬแล้วครั้งหนึ่งแต่นานมาแล้ว ซึ่งพบบริเวณริมชายหาด แต่ของตนเองพบรอยน้ำอยู่ในทะเล ซึ่งตนได้ทดลองพิสูจน์โดยใช้เศษของก้อนขาว ๆ ใส่ช้อน และจุดไฟเผาดู ปรากฏว่าละลายสีเหลืองและแข็งตัวจะมีลักษณะคล้ายเทียนไข เมื่อถูกความเย็น มีกลิ่นฉุน ๆ ซึ่งหลังจากมีคนทราบข่าวว่าตนพบอำพันทะเล ก็ได้มาติดต่อขอซื้อ แต่ก็ยังไม่ถูกใจกับราคาที่เขาให้ ซึ่งอยากให้ผู้ที่ชำนาญเข้ามาพิสูจน์ว่าจริงแท้แค่ไหน และพร้อมที่จะขายให้กับคนที่ต้องการต่อไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก N Ann Ann
สำหรับอำพันทะเล (Ambergris) คือ อุจจาระ หรือ อ้วก ของวาฬหัวทุย (ขึ้นอยู่กับวาฬจะขับออกมาทางไหน) เกิดจากกอาหารที่วาฬกินเข้าไป จำพวกหมึก แต่ร่างกายของวาฬไม่สามารถขับไขมันจากปลาหมึกได้ ทำให้ไขมันของหมึกสะสมอยู่ในลำไส้ จนร่างกายขับถ่ายไขมันส่วนนี้ออกมาพร้อมอุจจาระ หรือสำรอกไขมันออกมาลอยอยู่ในทะเล อำพันทะเลถูกนำไปใช้ในการผลิตน้ำหอม เพราะมีคุณสมบัติช่วยให้น้ำหอมมีกลิ่นคงทน