บีบใจแม่ ลูกสาวทำงานหนักจนตาย เล่านรก 4 เดือน - ไร้คนจากบริษัทร่วมงานศพ

          สาวทำงาน 4 เดือน ทำงานหนักเกินไปจนตัวตาย แม่ร่อนจดหมายบีบหัวใจ ลั่นถูกใช้งานไม่ปรานี ซ้ำบริษัทเมินเฉย ไร้เงาคนร่วมงานศพพนักงาน
พนักงานหญิงทำงานหนักจนตาย ใน 4 เดือน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล

          วันที่ 18 กันยายน 2567 เว็บไซต์อินเดียทูเดย์ รายงานว่า แม่ของพนักงานหญิงวัย 26 ปี ของบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองปูเน่ รัฐมหาราษฏระ ของอินเดีย ออกมาเผยจดหมายที่ส่งถึงประธานบริษัทในอินเดีย ในนั้นบอกเล่าเรื่องราวบีบหัวใจ เมื่อลูกสาววัย 26 ปีของเธอต้องเสียชีวิตเนื่องจากภาระงานที่หนักจนเกินไป พร้อมกล่าวโทษท่าทีเมินเฉยตลอด 4 เดือนของทางบริษัทซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวของเธอเสียชีวิต จุดประกายความเดือดดาลในสังคมเมื่อได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหญิงรายนี้

          ในจดหมายที่ อนิตา ออกัสติน ส่งถึง ราจิฟ เมมานิ ประธานบริษัท Ernst & Young ของอินเดีย ระบุว่า แอนนา เซบาสเจียน เปรายิล ลูกสาววัย 26 ปี ได้เข้ามาร่วมงานกับบริษัทดังกล่าวในตำแหน่งนักบัญชี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นี่เป็นงานแรกของเธอหลังเรียนจบ แอนนาซึ่งมักจะสอบได้ระดับท็อปทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยยินดีทุ่มเททุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการที่วางไว้ และพยายามทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

          อย่างไรก็ตาม ภาระงานที่หนักจนเกินไป ประกอบกับสภาพแวดล้อมของพนักงานใหม่ และชั่วโมงทำงานอันยาวนานนั้น ส่งผลกระทบต่อแอนนาทั้งร่างกายและจิตใจ เพียงไม่นานหญิงสาวก็เริ่มมีภาวะวิตกกังวล นอนไม่หลับ และมีความเครียด แต่เจ้าตัวยังคงผลักดันตัวเองไม่หยุด เพราะเชื่อว่าการทำงานหนักและความพากเพียรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ

          แต่ผลตอบแทนจากความพยายามนั้นต้องจ่ายด้วยชีวิตของหญิงสาว แอนนาเป็นพนักงานที่บริษัทแห่งนี้ในเดือนมีนาคม และเสียชีวิตในเดือนกรกฎาคม ที่สะเทือนใจผู้เป็นแม่ไปยิ่งกว่านั้นคือ หลังความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่มีคนจากบริษัทมาร่วมงานศพของลูกสาวเธอแม้แต่คนเดียว

          ก่อนที่พ่อแม่จะเดินทางไปหาลูกสาวที่เมืองปูเน่ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม แอนนาเคยบ่นว่าเจ็บหน้าอก ดังนั้น เมื่อเจอลูกสาว พวกเขาจึงพาเธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ซึ่งผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ปกติดี หมอหัวใจทำให้พวกเขาคลายความกังวลโดยบอกว่า แอนนาแค่นอนไม่พอและกินอาหารตอนดึก จากนั้นก็จ่ายยาลดกรดให้ แต่หลังหาหมอเสร็จแอนนายังยืนกรานจะกลับไปทำงาน โดยบอกว่ายังมีงานที่ต้องทำอีกมากมาย และเธอจะไม่ลางาน

          คืนนั้นแอนนากลับมาถึงที่พักดึกอีกเช่นเคย และแม้แต่ในวันที่ 7 กรกฎาคม ซึ่งจะมีงานรับปริญญา หญิงสาวมาร่วมงานกับพ่อแม่ในช่วงเช้า ก่อนจะกลับไปทำงานจากที่บ้านต่อจนถึงช่วงบ่าย อนิตาบอกว่าลูกสาวมีความฝันยิ่งใหญ่ คือการพาพ่อแม่มาร่วมงานรับปริญญาของเธอด้วยเงินที่หามาอย่างยากลำบาก แต่เมื่อพ่อแม่มาถึง ครอบครัวกลับไม่สามารถใช้เวลาร่วมกันได้มากนัก เนื่องจากความกดดันของงาน

          ตอนที่แอนนามาร่วมทีมนี้ เธอได้รับแจ้งว่ามีพนักงานจำนวนมากลาออกเนื่องจากภาระงานหนักเกินไป ผู้จัดการของเธอยังบอกว่า "แอนนา เธอต้องอยู่ต่อและเปลี่ยนความคิดของทุกคนเกี่ยวกับทีมของเรานะ"
 
          จริง ๆ แอนนายังได้รับคำเตือนจากเพื่อนร่วมงานหลายครั้งเกี่ยวกับผู้จัดการคนนี้ ขณะที่ทางผู้จัดการนั้นมักเลื่อนกำหนดประชุมระหว่างช่วงที่มีการแข่งกีฬา มอบหมายงานให้แอนนาตอนใกล้จะเลิกงาน ซึ่งทำให้หญิงสาวยิ่งเครียด แม้แต่ในงานเลี้ยงบริษัท หัวหน้าอาวุโสคนอื่นยังเคยหยอกว่าเธอจะต้องมีช่วงเวลาที่ลำบากมากจากการทำงานภายใต้ผู้จัดการคนนี้ ซึ่งน่าเศร้าที่มันกลายเป็นความจริง  


พนักงานหญิงทำงานหนักจนตาย ใน 4 เดือน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล

          แอนนาสารภาพให้พ่อแม่ฟังเกี่ยวกับปริมาณงานที่ล้นมือ โดยเฉพาะงานเสริมที่ผู้จัดการสั่งด้วยวาจา มันเป็นงานนอกเหนือจากงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการ ซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวมักกลับบ้านในสภาพเหนื่อยล้าสุดขีด ถึงกับล้มตัวลงนอนโดยไม่เปลี่ยนชุด
 
          ผู้จัดการไม่เคยเห็นใจลูกน้อง แอนนาต้องอยู่ทำงานดึกและทำงานในวันหยุด ตอนที่เธอพูดถึงความกังวลให้เขาฟัง คำตอบที่ได้รับจากผู้จัดการกลับเป็นการเพิกเฉย เขายังบอกด้วยว่า "เธอทำงานตอนกลางคืนก็ได้นี่ นั่นคือสิ่งที่เราทุกคนทำกัน"

          พ่อแม่เคยขอให้แอนนาลาออกแล้ว แต่เธอยังต้องการเรียนรู้และเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ แต่เห็นได้ชัดว่าแรงกดดันจากงานนั้นหนักเกินไป อนิตา เผยว่า ลูกสาวของเธอใจดีเกินกว่าจะตำหนิผู้จัดการ แต่เธอไม่อาจทนเงียบอยู่ได้ และขอย้ำว่าการให้พนักงานใหม่ต้องรับภาระงานที่เหนื่อยจนหลังแทบหัก ใช้ให้พวกเขาทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่เว้นวันหยุด คือสิ่งที่ไร้เหตุผล ฝ่ายบริหารควรนึกถึงพนักงานใหม่บ้าง แต่พวกเขากลับใช้ประโยชน์จากจุดนั้นมากดดันเธอด้วยงานทั้งที่มอบหมายอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

          "ฉันหวังว่าจะสามารถปกป้องลูกสาวได้ ฉันบอกเธอแล้วว่าสุขภาพกับความเป็นอยู่ที่ดีของเธอสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด แต่มันสายไปแล้วสำหรับแอนนาของฉัน" อนิตา ระบุในจดหมาย และเผยว่าการเสียชีวิตของลูกสาวของเธอควรเป็นคำเตือนถึงบริษัทให้ย้อนมาไตร่ตรองเกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำงานของพวกเขา และสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะได้ไม่มีครอบครัวอื่นต้องเผชิญความโศกเศร้าแบบที่เธอกำลังเผชิญอยู่
 
          ทั้งนี้ ปรียานกา ชาตูรเวดี สมาชิกราชยสภา หรือสภาสูงของอินเดีย ได้แสดงความคิดเห็นต่อจดหมายของอนิตาซึ่งกลายเป็นไวรัลในอินเดียเช่นกัน โดยระบุว่า "เรื่องนี้ทำให้ฉันใจสลาย แอนนาสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้"
 
ขอบคุณข้อมูลจาก India Today

คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? รอโหลดข้อความของเพื่อน ๆ ด้านล่างนี้สักครู่ แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !
บีบใจแม่ ลูกสาวทำงานหนักจนตาย เล่านรก 4 เดือน - ไร้คนจากบริษัทร่วมงานศพ โพสต์เมื่อ 19 กันยายน 2567 เวลา 11:24:05 19,349 อ่าน แสดงความคิดเห็น