พ่อคาใจ เชื่อลูกแรกเกิดถูกสลับตัวใน รพ. ดูรู้จากบางจุดที่ใบหน้า เกือบได้ไปอยู่พม่าแล้ว

        พ่อเอะใจ ลูกแรกเกิดนอนรักษาตัว จู่ ๆ หน้าเปลี่ยนไป คิ้วหาย คาใจขอตรวจเลือดและ DNA ชัดถูก รพ. สลับตัว เกือบได้ไปอยู่พม่า
ทารกถูกสลับตัว
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

          วันที่ 16 กันยายน 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายอนุชา คงสมใจ โพสต์ข้อความเพื่อเป็นอุทาหรณ์กับคุณพ่อคุณแม่ที่ไปคลอดลูกตามโรงพยาบาล เนื่องจากเกิดความผิดพลาดมีการสลับตัวเด็กโดยระบุว่า

          อุทาหรณ์โรงพยาบาลสลับตัวเด็ก เรื่องคือ ลูกสาวเกิดวันที่ 11 สิงหาคม 2567 น้องหายใจเร็วเลยต้องแยกห้องกับแม่..แม่นอนห้องพักฟื้นลูกนอนห้องอภิบาลแล้ว โรงพยาบาลให้เยี่ยมได้ 18.30 - 20.00 น. ตนกับแฟนก็ไปเยี่ยมตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม เขาห้ามถ่ายรูป แต่ตนก็แอบถ่ายรูปลูกไว้ทุกวัน ส่งให้แม่และญาติ ๆ ตามปกติ

          วันที่ 13-16 สิงหาคม ตนก็ไปเยี่ยมปกติ ก็แอบถ่ายรูปลูกไว้ทุกวัน พอวันที่ 17 ก็ไปเยี่ยม ปรากฏว่า หน้าลูกเปลี่ยนไป จากผมยาวก็สั้น จากมีคิ้ว คิ้วก็หาย ป้ายชื่อที่ข้อมือซ้ายกับขาขวาก็หาย เสื้อผ้า ผ้าขนหนู ก็ไม่ใช่ของลูกตน ถามพยาบาลว่าป้ายชื่อหายไปไหน เขาบอกว่าอาจหายตอนอาบน้ำแล้วเสื้อผ้าในกล่องอาจจะสลับกันได้ตอนแรกกะว่าจะเดินดูเด็กทุกคน แต่มีเด็กข้าง ๆ มีการเอกซเรย์ จึงต้องออกจากห้องก่อน แล้ววันที่ 18 สิงหาคม ลูกตนครบกำหนดจึงต้องไปรับกลับบ้าน ตนมองลูกที่ได้กลับมายังไงก็ไม่ใช่ลูกของเรา สับสนกับตัวเองว่าใช่หรือไม่ใช่ดูรูปที่ถ่ายไว้กับตัวจริงตลอด

ทารกถูกสลับตัว
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

          วันที่ 19 สิงหาคม ตนโทร. ไปสอบถามโรงพยาบาลอีกทีว่า ตนสงสัยว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง อยากให้โรงพยาบาลการันตี หรือพูดให้ตนสบายใจหน่อยได้ไหมว่าคนนี้เป็นลูกของตน เขาก็บอกว่า ลูกของคุณพ่อไม่เหมือนเด็กคนอื่น ลูกคุณพ่อต้องให้ยา 7 วันที่ข้อมือจะมีรอยช้ำจากการถูกเจาะเลือด มันก็มีจริง ตนจึงถามไปอีกว่าแล้วทำไมผมสั้นลง คิ้วหายไป เขาก็บอกว่าเด็กหน้าเปลี่ยนทุกวัน
          
          คืนวันที่ 20 สิงหาคม ตนทนไม่ไหวจึงโพสต์ลงในกลุ่มข่าวกระทุ่มแบนให้เพื่อน ๆ ดูว่าเด็กในรูปคนเดียวกันไหม ส่วนใหญ่บอกว่าคนละคน แนะนำให้ไปโรงพยาบาลไปตรวจ DNA

          เช้าวันที่ 21 สิงหาคม จึงรีบพาลูกกับแฟนไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบแล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้พยาบาลฟังทั้งหมด แล้วก็เริ่มการเจาะเลือดตนกับแฟน แล้วก็เด็กที่นำกลับบ้านไป ผลออกมาคือ เด็กกรุ๊ป B ตนกรุ๊ป AB แฟนกรุ๊ป A ตอนนั้นโกรธและโมโหมาก เสียใจมาก สงสารลูกมาก แล้วรอง ผอ. ก็มาคุย ตนบอกทำยังไงก็ได้ ขอให้ผมเจอลูกตัวจริง


ทารกถูกสลับตัว
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

          ต่อมาทราบว่าอีกครอบครัวหนึ่งซึ่งได้ตัวลูกไป ครอบครัวเขากรุ๊ป B ทั้งบ้าน ส่วนลูกตนกรุ๊ป AB พอได้คุยกับครอบครัวนั้น เขาบอกว่า น่าจะสลับวันเสาร์ เพราะเขาก็เอะใจว่า จู่ ๆ ทำไมลูกมีคิ้ว ทั้งที่ตอนแรกไม่มี ครอบครัวนั้นเป็นคนพม่า เมื่อมีการสลับกัน ส่งผลให้ลูกตนถูกให้ยาฆ่าเชื้อเกิน ลูกพม่าถูกให้ยาฆ่าเชื้อขาด กำหนดคือต้อง 7 วันตามที่พยาบาลบอก ก็ไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรไหม ตอนนี้ที่ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบคือเจาะเลือดให้ฟรีแล้วก็พาไปตรวจ DNA ที่โรงพยาบาลรามาฯ

          เมื่อวันที่ 15 กันยายน ผล DNA ออกแล้ว ผลก็เป็นไปตามนั้น เด็กสลับตัวกันจริงทาง โรงพยาบาลจึงรับผิดชอบโดยให้สิทธิรักษาลูกตนฟรีแบบพิเศษ แบบพิเศษที่เขาว่าคือไม่ต้องต่อคิว ถ้าจะไปรักษาให้โทร. ไปบอกเขาว่าเป็นอะไร แต่ต้องจ่ายค่ารักษาเอง เขาจะเตรียมทำเอกสารไว้ให้จนน้องอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์แค่นั้น

          ตนจึงขอค่าเยียวยาจิตใจไปสองแสนบาท โดยแบ่งให้บ้านของพม่าด้วยหนึ่งแสนบาท สองครอบครัวไม่ได้เข้าไปคุยพร้อมกัน คุยคนละวัน แต่ที่หมอบอกเขาจะให้สิทธิเหมือนกันทั้งสองครอบครัว โดยทางโรงพยาบาลบอกว่า รักษาฟรีทำได้เลยทันที ส่วนเงินเขาให้รอไปอีก 2 อาทิตย์ แต่ไม่รับปากว่าจะได้ครบไหม อาจจะครบหรือไม่ครบ เขาจะไปลงขันรับบริจาคกันก่อน มีแบบนี้ด้วยเหรอ ?

          ไม่เป็นไร รอก็รอ เรื่องแบบนี้ ทางโรงพยาบาลน่าจะทำให้จบให้เร็วที่สุดไม่น่าปล่อยเวลาให้มันนาน เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ ฝากด้วยครับ เพื่อน ๆ ทำอะไรอย่าประมาท ควรมีหลักฐาน ยืนยันในกรณีนี้ถ้าตนไม่มีหลักฐานยืนยันก็จบครับลูกผมไปอยู่พม่าแล้ว เป็นกรณีศึกษาไว้นะครับ

          โรงพยาบาลยอมรับความผิดพลาด จ่อนัดพ่อแม่เด็กไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย

          เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครแล้ว ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของโรงพยาบาลจริง คาดว่าเกิดเหตุสลับตัวขณะนำเด็กไปตรวจ โดยเมื่อพ่อของเด็กท้วงติงถึงความผิดปกติ โรงพยาบาลได้ดำเนินการส่งตรวจดีเอ็นเอ โดยในวันที่ 16 กันยายน โรงพยาบาลได้นัดพ่อแม่ของเด็กมาพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหาย

          ตนได้ให้คำแนะนำกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดให้ปรับแผนการดูแลเด็ก โดยให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำรอย เพราะการติดป้ายชื่อเด็กอาจไม่เพียงพอ ซึ่งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และทางโรงพยาบาล รับที่จะนำไปดำเนินการ

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้

คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? รอโหลดข้อความของเพื่อน ๆ ด้านล่างนี้สักครู่ แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !
พ่อคาใจ เชื่อลูกแรกเกิดถูกสลับตัวใน รพ. ดูรู้จากบางจุดที่ใบหน้า เกือบได้ไปอยู่พม่าแล้ว โพสต์เมื่อ 16 กันยายน 2567 เวลา 10:36:20 20,272 อ่าน แสดงความคิดเห็น