หนุ่มเล่าประสบการณ์ ทำงานให้สารพัดสิ่ง กลับถูกนายจ้างฟ้อง 14 ล้าน ชีวิตแทบพลิกผัน

           วันที่ 30 มิถุนายน 2567 คุณสรวิชญ์ กิจสมบูรณ์ เจ้าของช่อง TikTok  @bas.tec ช่องรีวิวโทรศัพท์มือถือ ลงคลิปอุทาหรณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับคนทำงาน ในหัวข้อ โดนฟ้อง 14 ล้าน เพราะลบงานที่นายจ้างสั่งทำแต่ไม่จ่ายเงิน  โดยระบุว่า แพ้คดี เคยโดนฟ้อง 14 ล้านบาท เพราะนายจ้าง ให้สร้างโปรแกรมงาน แต่ไม่ยอมจ่ายเงินซื้อ ใช้ฟรีถึงเก้าเดือน ก่อนลาออกจึงตัดสินใจลบ แล้ว ก็เรียบร้อย โดนฟ้องแพ้คดี"

           เจ้าของเรื่องราว เล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณปี 2564 น้องๆ ที่เพิ่งเรียนจบ แล้วมีความสามารถ เจอบริษัทปากหวานใช้เราแล้วบอกจะให้อะไรตอบแทน พอวันหนึ่งเราทวงข้อตกลงไปแล้วมันไม่ได้ตามที่คุยกันไว้ เรารู้สึกว่าอันนั้นมันคืองานเรา แล้วเราไปลบ อันนั้นผิด ถ้ารู้สึกว่าไม่เป็นธรรม สิ่งที่ต้องทำคือ แจ้งกรมแรงงาน แต่ก็เข้าใจว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครกล้าทำ เพราะงานมันหายาก

           เรื่องของเรื่องคือ ตนไปทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง รายได้บริษัทปีหนึ้งเป็นหลัก 100 ล้าน หลังทำไปได้ 3 เดือนก็รู้สึกอยากลาออกแล้ว เพราะบริษัทไม่ค่อยแฟร์กับพนักงานเท่าไร เพราะพนักงานทำงานล่วงเวลาไม่มีโอที วันหยุดนักขัตฤกษ์ไม่ได้หยุด และไม่มีชดเชยด้วย ด้วยความที่ตอนนั้นตนเรียนจบวุฒิ ปวช. เป็นงานคอมพิวเตอร์ พอจะรู้เรื่องโซเชียล จึงกลับมาทำงานที่ จ.สระแก้ว กับบริษัทแห่งหนึ่ง
           กระทั่งช่วงปลายปี 2563 เขากำลังปรับปรุงออฟฟิศใหม่ ช่วงนั้นเขาเห็นตนทำโปรแกรมตัวหนึ่งขึ้นมา เป็นโปรแกรมที่เขียนสูตรบน Excel เขาก็โยนงานให้งานหนึ่ง เป็นการแยกข้อมูลว่า ลูกค้าที่ส่งให้ธนาคารมันมีประเภทไหนบ้าง ก่อนจะนั่งกรอกข้อมูลแล้วเขียนคำสั่งง่าย ๆ ลงไป ใช้เวลาประมาณครึ่งวัน จนแยกประเภทได้สำเร็จ เมื่อนายจ้างเห็นว่าทำได้ ก็ให้ไปคิดระบบว่าจะทำยังไงดี ตนก็ไปนำเสนอเขาไป แล้วช่วงปลายปีเป็นช่วงที่ตนอยากออกอยู่แล้ว เพราะเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะและถูกหักอย่างเดียวเลย

           ช่วงนั้นเหมือนเขาจะรู้ว่าตนจะออก เขาก็เสนอว่า ให้เขียนโปรแกรมที่พัฒนาองค์กรได้ เดี๋ยวเขาซื้อโปรแกรมตนเลย ในใจตอนนั้นคิดว่าถ้าทำก็คงจะมีรายได้หลักพัน ตนก็ใช้เวลาทำไม่ถึงเดือน เป็นโปรแกรมเกี่ยวกับงานฝ่ายแบบง่าย ๆ เช่น ลูกค้ามาเดือนละประมาณ 1,000 คน มาซื้อรถ อนุมัติกี่คน ยกเลิกเท่าไร และลูกค้าที่ดำเนินการอยู่มีเท่าไร ตนเขียนไว้ 3 โปรแกรม เช่นโปรแกรมสรุปยอดขาย คือแค่ทุกคนกรอกข้อมูล เดี๋ยวโปรแกรมจะบอกเองว่าเดือนนี้ขายอะไรบ้าง ประเภทไหนบ้าง กลุ่มตลาดในจังหวัดมีประเภทไหนบ้าง เจ้าของเขาก็ชอบ ตนจึงถามเรื่องที่เขาบอกว่าจะซื้อ เขาก็บอกว่าให้ใจเย็น ๆ ไปทำให้มันดีก่อน ก็คิดว่าเดี๋ยวเขาคงจ่าย ยอมรับว่าตนก็พลาดเองด้วยที่ไม่ทันเหลี่ยมด้วย

           จนผ่านมา 3 เดือน จากโปรแกรม 3 ตัวผุดขึ้นมาเป็น 9 ตัว จึงเอาไปเสนอว่า โปรแกรมมันเรียบร้อยหมดแล้ว พี่จะซื้อโปรแกรมของตนยังไง เขาก็ยังยื้ออยู่ โดยโปรแกรมเหล่านี้ระบบจะรันผ่าน กูเกิลชีต บนกูเกิลไดร์ฟ ซึ่งกูเกิลไดร์ฟเป็นชื่อตน เพราะตกลงกันแล้วว่าจะซื้อ จึงเป็นชื่อของตน แต่พอไปทวงเขาก็ยังบ่ายเบี่ยง ตนจะไปทำอะไรไม่ได้ จะไปทำหนังสือทวงก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นลูกจ้างเขา แต่งานตรงนี้มันเป็นงานที่เพิ่มขึ้นมา ส่วนงานที่ต้องดูแลข้อมูลหลังบ้านที่ตนสร้างขึ้นเพื่อขายให้เขา ในใจคิดว่าคงไม่ได้แล้ว

           จากนั้นช่วงประมาณเดือนกันยายน ก็คิดว่าเรื่อย ๆ ว่าเราอยู่ที่นั่นได้ก็อยู่ เขาก็มาบีบเอางาน ให้เอางานขึ้นไดร์ฟให้เขา แต่ตอนนั้นตนโดนถอดงานเกือบหมดแล้ว สภาพเหมือนโดนลอยแพ ตนก็เอะใจว่า แล้วที่ตกลงซื้อขายกันล่ะ คือบังคับให้ตนเอางานขึ้นแล้วจะไม่จ่ายเงิน เหมือนหลอกให้ทำงานฟรี ตนรู้สึกว่ามันไม่แฟร์
           ฝากถึงคนทำงานว่าหากเจอแบบนี้ ควรเก็บหลักฐาน หรือทำเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ แต่ตอนนั้นตนไม่มีความรู้เรื่องนี้ จึงเป็นอะไรที่พลาดมาก ๆ หลังจากเขาบังคับให้เอางานขึ้นไดร์ฟให้หมด ตนก็บอกว่ามันต้องใช้เวลา มันจะมอบสิทธิ์ไม่ได้ มันคนละโดเมนกัน เขาก็ยังบอกทำให้หน่อย ตอนนั้นคิดว่าอยู่ไม่ได้แล้ว เขาบีบเอางานยังไม่พอ ยังไม่จ่ายเงินชดใช้อีก จึงตัดสินใจออกจากบริษัทไปเลย แล้วดีดทุกคนที่อยู่ในไฟล์งานออก แต่ว่างานยังอยู่ เท่ากับว่าทุกคนไม่สามารถใช้งานของตนได้ แต่ตนมีข้อมูลเก็บอยู่บนเว็บไซต์ เขาก็ติดต่อข่มขู่มาทางคนรอบข้าง และยังมีคนมาข่มขู่ตนด้วย ทำนองว่าตนทำให้ข้อมูลเสียหาย ซึ่งที่ตนทำเป็นแค่โปรแกรมวิเคราะห์ แต่ตัวข้อมูลนั้นอยู่กับบริษัท

           เสร็จแล้วก็กลายเป็นคดีไป มีการลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะเขาไม่ยอม เขาบอกว่าเขาเสียหาย ตอนนั้นตนคิดว่าเขาคงกลัวตนเอาข้อมูลเขาไปขาย ตนก็มั่นใจว่าผมไม่ผิด เพราะมันเป็นของที่ตนสร้างไว้ และตนควรจะได้คืน จากนั้นผ่านไปประมาณ 3 เดือน ก็ยังเงียบอยู่ เข้าเดือนที่ 4 ตนไปสมัครงานกับบริษัทคู่แข่งเขา ตอนที่เขาไปลงบันทึกประจำวันไว้วันที่ 23 กันยายน จากนั้นวันที่ 27 กันยายน ตนก็เอาหลักฐานไปหาพนักงานสอบสวน แต่ตำรวจไม่ดูอะไรเลย บอกให้ตนยอมรับอย่างเดียว

           จากนั้นมีตำรวจโทร. มาหาตน สอบถามว่า ได้ไปลบข้อมูลบริษัทไหม แค่ยอมรับไป ไม่มีอะไรหรอก ชดใช้ค่าเสียหายไปก็จบ ซึ่งความจริงอย่าไปยอมรับ ถ้ายอมรับคือจบเลย ให้ไปสู้กันในชั้นศาลแทน พอได้หมายเรียกตนก็ไปให้การ ก่อนไปสู้กันในชั้นศาล และเตรียมหลักฐานไปสู้เรื่องที่เขาให้งานตนทำ แล้วไม่จ่ายค่าจ้าง ซึ่งมันเกิดการจ้างงานกันจริง ๆ เขาอ้างว่าไม่ได้พูด ตนเป็นคนทำเอง พอขึ้นศาล ศาลก็สรุปมาคำนึงบอกว่า ตนไปให้การว่าไม่ได้ลบแต่ไปดีดให้พนักงานเขาใช้งานไม่ได้ ทำให้เขาเกิดความเสียหาย ตนจึงเป็นฝ่ายผิด ส่วนที่เขาจ้างงานเราแล้วไม่จ่ายค่าจ้าง เราไปเรียกร้องเขาได้ แต่ที่ตนทำให้เขาใช้งานไม่ได้จนเกิดความเสียหาย อันนี้ผิดญาญา ส่วนที่ตนโดนเขาไม่จ่ายผิดแค่แพ่ง

           สรุปเขาเรียกค่าเสียหาย 14 ล้าน ศาลมองว่าเยอะเกินไป เขาจึงลดให้เหลือ 7 ล้าน ก่อนคุยไปคุยมา เขาเรียกมาเหลือ 2 ล้าน ศาลเห็นว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม ตนก็แย้งไปเรื่องค่าใช้จ่ายโปรแกรมของตน ศาลก็ให้เคลียร์กันเลย แล้วเอาไปหักลบกับ 2 ล้าน เบ็ดเสร็จเหลือ 1.5 ล้าน ทนายก็ต่อรองจนจบที่ 1.2 ล้าน สุดท้ายแพ้คดี รอลงอาญา 2 ปี และต้องใช้หนี้เขา 1.2 ล้านบาท เดือนละ 4,000 บาท ยอมรับว่าถ้าย้อนเวลาไปได้ ตนจะไม่ทำงานเสริมที่เจ้านายคนนี้ว่าจ้าง เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าไปไว้ใจ ซึ่งก็มีสัญญาณแล้วเพราะเขาผิดคำพูดมาก่อนหน้านั้นหลายครั้ง

           คลิกชมคลิป ที่นี่