แฉโด่ง ดาว TikTok อ้างเรียน ม. ดัง ทำสาวท้องไม่รับไม่พอ สั่งทำแท้ง ล่าสุดแจ้งความแล้ว

          แฉโด่ง ดาว TikTok อ้างเรียนมหาวิทยาลัยดัง ตีสนิทสาวรวย มีเพศสัมพันธ์แบบ One Night Stand จนเหยื่อติดเชื้อ HPV ท้องจนต้องไปทำแท้ง ล่าสุดไปแจ้งความแล้ว แต่ยังให้ปากคำไม่เคลียร์

          วันที่ 27 มิถุนายน 2567 เฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว3 มีการโพสต์แฉนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง เป็นหนุ่มตี๋หน้าตาดี ชอบบอกว่าบ้านรวย เป็นลูกคุณหนู และมักตีสนิทกับสาว ๆ ที่มีฐานะ ไปทำสาวท้อง 3 รายแถมไม่รับผิดชอบ ไล่ให้ฝ่ายหญิงไปทำแท้ง

          พฤติกรรมหลัก ๆ ชอบพาสาวขึ้นไปหลับนอนบนคอนโด มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน ถ้าคนไหนขัดขืนเขาจะโมโห ไม่พอใจ และเมื่อมีหญิงท้องก็จะสั่งให้ไปทำแท้ง จนกลายเป็นว่ามีคนหนึ่งกลายเป็นโรคซึมเศร้า และต้องจบชีวิตตัวเองเพราะไม่สามารถผ่านประสบการณ์เลวร้ายนี้ได้


          ส่วนคนล่าสุดก็มีการบังคับไปเอาเด็กออก และติดเชื้อที่ช่องคลอด ต้องรักษาตัวโดยที่ฝ่ายชายไม่เคยมาเหลียวแลเลย คาดว่า เหยื่อของหนุ่มคนนี้น่าจะมีอีกหลายรายที่ยังไม่แสดงตัว


          ข่าวช่องวัน รายงานว่า นอกจากเพจอีซ้อขยี้ข่าวที่ออกมาเผยแพร่เรื่องนี้แล้ว ยังมีอินสตาแกรมยูเซอร์หนึ่งออกมาโพสต์แฉพฤติกรรมโดยเฉพาะ ทั้งภาพและคลิปผลอัลตราซาวด์ หลักฐานทรานสคริปต์ว่า หนุ่มคนนี้เรียนไม่จบ ม. 6 ฉะนั้นเรื่องที่อ้างว่าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังก็เป็นเรื่องโกหก และมักมีพฤติกรรมไปตีสนิทสาว ๆ คบหากันลักษณะ One Night Stand และเหยื่อบางรายติดเชื้อ HPV อีกด้วย


          นางสาวเอ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับนายโด่ง ดาว TikTok ชายคนดังกล่าวผ่านทางอินสตาแกรม แชตคุยกันจนเกิดความสนิทสนม วันหนึ่งนายโด่งชวนไปที่คอนโด มีความสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ไม่นานก็พบว่าตนท้อง พอติดต่อไปหานายโด่ง นายโด่งกลับปฏิเสธความรับผิดชอบ พูดว่า ตนไปนอนกับชายคนอื่นและขอให้ทำแท้ง จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ ดังนั้นตนจึงไปทำแท้ง ส่วนนายโด่งก็หนีหายไป ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย

          ต่อมา นายโด่งเข้ามาแจ้งความที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีกับหญิงที่มาแฉเรื่องราว โดยผลการสอบปากคำเบื้องต้น ตำรวจพบว่า นายโด่งยังให้ปากคำไม่ชัดเจน ในเคสที่ทำนางสาวเอท้อง นายโด่งยอมรับว่าทำจริง แต่เป็นความสัมพันธ์ One Night Stand ไม่ได้ป้องกัน ส่วนเรื่องที่เคยทำผู้หญิงท้องจนฆ่าตัวตาย เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง



ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน